วันที่ 20 ก.พ.66 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาพื้นที่ประสบอุทกภัยซ้ำซากบริเวณคลองเปลี่ยน พื้นที่รอยต่อตำบลเปลี่ยนและตำบลเทพราช อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมี นายชูชาติ รักจิตร รองอธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วย นายก่อพงศ์ เจ้ยแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 15 นายพิทักษ์พงษ์ ติ๊บแก้ว ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครศรีธรรมราช และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ในครั้งนี้
นายชูชาติ รักจิตร รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ลุ่มน้ำคลองเปลี่ยน เป็นลุ่มน้ำย่อยของลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออก ครอบคลุมพื้นที่ตำบลเปลี่ยนและตำบลเทพราช อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช มีสภาพลำน้ำที่คดเคี้ยว เมื่อถึงช่วงฤดูฝนมักจะประสบปัญหาน้ำท่วม และในช่วงฤดูแล้งก็มักจะพบกับปัญหาขาดแคลนน้ำเป็นประจำ กรมชลประทาน จึงได้ดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองเปลี่ยน ด้วยการก่อสร้างฝายคอนกรีตเสริมเหล็ก เพื่อทำหน้าที่หน่วงชะลอน้ำและเก็บกักน้ำสำหรับใช้ในการอุปโภคบริโภคและการเกษตร ได้แก่ โครงการฝายวังปลาโสด ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้น เพื่อดำเนินการก่อสร้างต่อไป
ทั้งนี้หากดำเนินการแล้วเสร็จ จะเป็นแหล่งเก็บกักน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคและการเกษตร ช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ตำบลเปลี่ยนและตำบลเทพราช อำเภอสิชล พื้นที่รับประโยชน์รวม 260 ไร่ สนับสนุนน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคจำนวน 229 ครัวเรือน อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นทางเชื่อมในการสัญจรและการขนย้ายพืชผลทางการเกษตรของประชาชนระหว่าง 2 ตำบลได้อีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าที่นายกฯจะเดินทางมาถึงอำเภอสิชล นายกฯได้กล่าวกับประชาชนที่อำเภอจุฬาภรณ์ ว่า ปัญหาสำคัญ คือ สินค้าราคาเกษตร ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องหาวิธีการที่ดีและถูกต้องให้เกิดผลประโยชน์กับประชาชน เพื่อที่จะเจริญเติบโตไปด้วยกัน ซึ่งมันไม่ง่าย แต่นายกรัฐมนตรีสัญญาไว้นานแล้วจะทำต่อไปเรื่อย ๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องของยางพารา เราเป็นประเทศที่ส่งออกต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ในประเทศใช้ 1 ใน 3 ทำอย่างไรให้ในประเทศใช้ 2 ใน 3 เพื่อให้ราคาดีขึ้น เพียงพอที่จะสู้ได้ โดยเฉพาะสินค้าด้านการเกษตรทุกชนิด ซึ่งรัฐบาลใช้งบประมาณของรัฐ 30% ในการดูแลและจะดูแลให้มากกว่าเดิม
“วันนี้ดีใจที่ได้มาพบกันอีกครั้ง จริง ๆ เตรียมภาษาใต้มาหลายคำ แต่ลืมหมดแล้ว เพราะอยู่ท่ามกลางคนใต้ ก็เลยไม่ค่อยกล้าตอบไป ตอบมา แต่รู้ว่าคิดถึงจังฮู้ และมาก ๆ ด้วย วันนี้มาด้วยความยินดีอย่างยิ่งในฐานะนายกรัฐมนตรี มาตรวจราชการเหมือนที่เคยมาเที่ยวนี้อาจจะพิเศษหน่อย รู้ดีว่าเป็นช่วงอะไร ไม่ได้ให้ความสำคัญตรงนั้น แต่ให้ความสำคัญกับการมาเยี่ยมตามปกติ ต้องการมาดูความคืบหน้าโครงการต่าง ๆ ทำไปถึงไหนอย่างไร งบประมาณที่ใช้ไปจำนวนมากพอสมควร เกิดผลงานปรากฏขึ้นมาแต่ยังไม่พอ ต้องทำอีกใช่หรือไม่และทำในสิ่งที่ทำยังไม่ครบไม่สมบูรณ์”
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาพยายามจะปรับการใช้งบประมาณให้ทั่วถึง ต้องดูว่าอะไรพร้อมจะเกิดหรือเกิดขึ้นได้ อะไรที่ทำได้จริงและยั่งยืน ข้อสำคัญจะต้องสุจริตด้วย ซึ่งตนได้สั่งการทุกครั้งในการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกกระทรวง ในฐานะผู้ปฏิบัติ ฉะนั้นขอให้ช่วยกันดูแลตรงนี้ด้วย ให้เป็นไปตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ให้คุ้มค่างบประมาณที่จัดสรรลงพื้นที่ รวมถึงหาวิธีการที่เหมาะสม วันหน้าถ้ามีโอกาสงบประมาณเหล่านี้ต้องมาทบทวน วันนี้ตนไม่ได้มาในนามอย่างอื่น มาในนามของนายกรัฐมนตรี และก็พยายามอย่างนี้มาตลอด