นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า ขณะนี้อาสาสมัครฝนหลวงประจำศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงทั่วประเทศกว่า 500 คนได้เตรียมความพร้อมออกสำรวจความต้องการขอรับบริการฝนหลวงของเกษตรกร โดยเฉพาะในพื้นที่นอกเขตชลประทานที่มีความต้องการใช้น้ำและมีความเสี่ยงที่จะขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งที่กำลังจะมาถึงนี้ พร้อมทั้งติดตามการเพาะปลูกในพื้นที่ที่รับผิดชอบเพื่อให้ทราบถึงช่วงเวลาการปลูกของพืชแต่ละชนิด ช่วงเวลาที่ต้องการฝน ตลอดจนสังเกตการณ์สภาพอากาศและเมฆฝนในแต่ละพื้นที่เพื่อส่งภาพและข้อมูมายังศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภูมิภาค ในแต่ละภูมิภาคนำมาวิเคราะห์ และออกปฏิบัติการฝนหลวงได้อย่างพอเหมาะกับเวลาตรงเป้าหมายรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ (Real Time)
“เมื่อปฏิบัติการฝนหลวงแล้วเสร็จ อาสาสมัครฝนหลวงจะรวบรวมข้อมูลปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ส่งเป็นข้อมูลมายังศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภูมิภาค หรือรายงานผ่านระบบอาสาแจ้งข่าวบนเวปไซต์ของกรมฝนหลวงฯ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานให้เกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในครั้งต่อไป” รองอธิบดีกรมฝนหลวงฯกล่าว
ทั้งนี้กรมฝนหลวงฯได้พัฒนาเครือข่ายอาสาสมัครฝนหลวงมาอย่างต่อเนื่องปีนี้เป็นปีที่ 7 โดยผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นอาสาสมัครฝนหลวงจะได้รับการอบรมเกี่ยวกับการปฏิบัติการทำฝนหลวง และอุตุนิยมวิทยา เช่น ความรู้เกี่ยวกับลักษณะของเมฆที่ทำให้เกิดฝน การติดตามสภาพอากาศ การวัดปริมาณน้ำฝน เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังจะได้รับการอบรมเรื่องการอนุรักษ์ดิน-น้ำ หลักสิทธิมนุษยชน การสื่อสารและการเผยแพร่ข่าวสารประชาสัมพันธ์ดังนั้นอาสาสมัครฝนหลวงทุกคนมีจึงมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับปฏิบัติการฝนหลวงและการให้บริการฝนหลวงในแต่ละพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ทำให้การปฏิบัติการฝนหลวงตรงกับความต้องการของประชาชน อีกทั้งยังช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทำฝนหลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
นายสากล นารี อาสาสมัครฝนหลวงอำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า ตนเข้ารับการอบรมเพื่อเป็นอาสาสมัครฝนหลวงปี พ.ศ.2559 และได้นำความรู้ความเข้าใจไปใช้งานจริง เช่น ในปี 2560 บริเวณพื้นที่ปลูกนาในอำเภอปทุมรัตต์ อำเภอจตุรพักตรพิมาน และอำเภอธวัชบุรี ข้าวเริ่มยืนต้นตาย และเมื่อได้รับบริการฝนหลวงทำให้ผลผลิตรอดพ้นจากความเสียหายได้ จากนั้นจึงทำหน้าที่อาสาสมัครฝนหลวงเรื่อยมา โดยในปีนี้ตนจะเริ่มลงสำรวจพื้นที่เกษตรโดยรวมในพื้นที่อำเภอเกษตรพิสัย ร่วมกับเครือข่ายอาสาสมัครฝนหลวงท่านอื่นที่อยู่บริเวณรอยต่อระหว่างอำเภอเพื่อประเมินสถานการณ์ร่วมกัน แล้วจึงส่งข้อมูลอุณหภูมิ ภาพถ่ายท้องฟ้า ก้อนเมฆ เป็นต้น ไปที่ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงให้ดำเนินการต่อ
“การเป็นอาสาสมัครฝนหลวงเป็นอาชีพสำคัญของผมต่อจากอาชีพเกษตรกร เพราะเกษตรกรต้องการน้ำ หน้าที่ของผมคือประสานงาน ติดตามพื้นที่ ๆ ได้รับความเดือดร้อนให้ได้รับฝนหลวง และเมื่อมีน้ำเรายังสามารถปลูกผักสวนครัวไว้กินภายในครอบครัว และขายเป็นรายได้เสริม จึงรู้สึกภูมิใจและดีใจที่ได้ช่วยเหลือเกษตรกรด้วยกันแทนพ่อหลวง” นายสากลกล่าว
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ กรมฝนหลวงฯ ได้จัดโครงการฝึกอบรมหลักสูตรการเดินอากาศตามความสามารถของระบบเครื่องช่วยเดินอากาศของเครื่องบิน(Performance-Based Navigation-PBN) และระบบนำทางด้วยดาวเทียม (Global Navigation Satellite System-GNSS) ให้แก่นักบินของกองบริหารการบินเกษตร ผ่านการบรรยายความรู้ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่ได้จากประสบการณ์การปฏิบัติงานของนักบิน ระหว่างวันที่ 8-19 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ณ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร กรุงเทพมหานคร
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเดินอากาศแบบ Performance-Based Navigation และระบบนำทางด้วยดาวเทียม (Global Navigation Satellite System-GNSS) ซึ่งจะได้นำความรู้ที่ได้ไปใช้กับระบบ Integrated Flight Deck ตามแบบที่ใช้กับเครื่องบินที่ปฏิบัติงานอย่างถูกต้อง สามารถปฏิบัติการบินลงสนามแบบ Required Navigation Performance (RNP) ทั้งแบบมีหรือไม่มี ระบบดาวเทียมเสริม (Satellite-Based Augmentation Systems) ได้อย่างถูกต้องตามมาตรฐานสากล และสามารถนำระบบการบินแบบ Performance-Based Navigation มาประยุกต์การบินปฏิบัติการฝนหลวง ร่วมกับการบินทางราชการและการบินพาณิชย์ได้อย่างปลอดภัย