“กรมอุตุนิยมวิทยา” รายงานว่า “ฤดูฝน 2565” อย่างเป็นทางการจะเริ่มต้นสุดสัปดาห์นี้ และจะสิ้นสุดประมาณกลางเดือนตุลาคม
กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า ช่วงแรกฝนจะตกต่อเนื่องจนถึงต้นเดือนมิถุนายน คาดว่า ปริมาณฝนรวมในช่วงฤดูฝนจะสูงกว่าค่าปกติ ร้อยละ 3 ซึ่งต่ำกว่าปีที่ผ่านมา (ปี 64 มีฝนสูงกว่าค่าปกติ ร้อยละ 8)
จากนั้นช่วงกลางเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกรกฎาคมจะเกิดฝนทิ้งช่วง ซึ่งเป็นผลกระทบจากปรากฏการณ์ เอลณีโญ และลานีญา
ถัดมาเดือนสิงหาคมถึงกันยายน ฝนจะกลับมาตกชุกหนาแน่น เกิดฝนตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้
โดยกรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่า จะมี “พายุหมุนเขตร้อน” เคลื่อนเข้าประเทศไทย จำนวน 2 ลูก โดยมีโอกาสสูงที่จะเคลื่อนผ่านบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือช่วงเดือนสิงหาคมหรือกันยายน2565 นี้
สำหรับเงื่อนไขการประกาศเข้าสู่ฤดูฝน พิจารณาจากปัจจัยทางด้านอุตุนิยมวิทยา
1. มีฝนตกชุกต่อเนื่องและครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ
2. ทิศทางลมตั้งแต่ระดับล่างใกล้ผิวพื้นถึงความสูง 3.5 กม. เปลี่ยนทิศทางเป็นลมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งพัดความชื้นจากทะเลอันดามันเข้ามาปกคลุมประเทศอย่างต่อเนื่องติดต่อกัน 1-2 สัปดาห์
3. ลมชั้นบน ตั้งแต่ระดับความสูง 5 กม. ขึ้นไป เปลี่ยนทิศทางเป็นลมตะวันออกเฉียงเหนือ
ขณะที่สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ(องค์การมหาชน) หรือ สสน.ให้ข้อมูลว่า ลักษณะการกระจายตัวของฝนรายเดือนของประเทศในปี 2565 มีความคล้ายคลึงกับปี 2552 ที่จะมีฝนตกเร็ว จากพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
โดย ดร.สุทัศน์ วีสกุล ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ อธิบายว่า เมื่อเทียบปีนี้กับปี 2562 คาดว่าลักษณะฝนจะเป็นเช่นเดียวกัน คือ ปริมาณฝนรายเดือน 6 เดือนแรก ตั้งแต่มกราคม-มิถุนายน มีปริมาณเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเดือนมีนาคม-พฤษภาคม จะเริ่มมีฝนมาก ซึ่งเป็นการเกิดฝนก่อนการประกาศฤดูฝนในช่วงสัปดาห์ที่สามของเดือนพฤษภาคม
แต่ในช่วง 6 เดือนหลังจากการคาดการณ์ พบว่า ตั้งแต่เดือน สิงหาคม-พฤศจิกายนนั้น ปริมาณฝนจะน้อยลงกว่าค่าปกติเล็กน้อย ปริมาณน้ำที่จะไหลลงอ่างเก็บน้ำตามฤดูกาลก็จะน้อยลงด้วย นอกจากนี้ยังมีโอกาสเกิดฝนทิ้งช่วงถึง 2 ครั้ง เหมือนกับปี 2564 ในเดือนมิถุนายน และเดือนสิงหาคมแสดงให้เห็นถึงความแปรปรวนของสภาพอากาศที่คนไทยอาจจะเจอกันในปีนี้
สรุปปริมาณฝนสะสมรายวันที่ผ่านมา(8 พ.ค. – 10 พ.ค. 2565)
วันที่ 8 พฤษภาคม 2565 มีฝนตกอยู่ในเกณฑ์เล็กน้อยถึงหนักมาก
ปริมาณฝนสูงสุด(ฝนหนักมาก) วัดได้ 125.8 มม. ที่ จ.นครศรีธรรมราช
วันที่ 9 พฤษภาคม 2565 ปริมาณฝนลดลง
ปริมาณฝนสูงสุด(ฝนหนัก) วัดได้ 69.0 มม. ที่ กรุงเทพมหานคร
วันที่ 10 พฤษภาคม 2565 ปริมาณฝนเพิ่มขึ้น บริเวณภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ
ปริมาณฝนสูงสุด(ฝนหนักมาก) วัดได้ 95.3 มม. ที่ จ.สุโขทัย