รมว.เกษตรฯ ติดตามโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ (ระยะที่ 2) จังหวัดสงขลา สามารถระบายน้ำร่วมกับคลองอู่ตะเภาได้สูงสุด ประมาณ 1,665 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที มั่นใจใช้ป้องกันและบรรเทาปัญหาอุทกภัยให้กับราษฎรในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่และพื้นที่ใกล้เคียงได้
ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในจังหวัดสงขลา ณ สถานีสูบน้ำบางหยี โครงการบรรเทาอุทกภัยหาดใหญ่(ระยะที่ 2) อ.บางกล่ำ จ.สงขลา ซึ่งโครงการดังกล่าว เป็นโครงการที่มีความสำคัญในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งอำเภอหาดใหญ่และพื้นที่ใกล้เคียงในจังหวัดสงขลา ต้องประสบกับปัญหาอุทกภัยอยู่บ่อยครั้ง สร้างความเสียหายให้กับชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก นับตั้งแต่ปี 2531 มูลค่าความเสียหายประมาณ 4,000 ล้านบาท ปี 2543 มูลค่าความเสียหายประมาณ 14,000 ล้านบาท และในปี 2553 มูลค่าความเสียหายประมาณ 10,490 ล้านบาท เมื่อรวมมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเขตพื้นที่เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในจังหวัดสงขลา คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมหลายหมื่นล้านบาท
กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมชลประทานจึงได้พิจารณาดำเนินโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ (ระยะที่ 2) ขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ โดยการปรับปรุงคลองระบายน้ำ ร.1 ประกอบด้วย การขยายก้นคลองจากเดิม 24 ม. เป็น 70 ม. ลึก 7 ม. ความยาว 20.937 กม. ก่อสร้างประตูระบายน้ำหน้าควน 2 แบบบานโค้งขนาด 12.50 x 7.50 เมตร จำนวน 3 ช่อง ก่อสร้างประตูระบายน้ำบางหยี 2 แบบบานตรงขนาด 6 x 6 เมตร จำนวน 8 ช่อง และก่อสร้างสถานีสูบน้ำบางหยีพร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาด 15 ลบ.ม./วินาที จำนวน 6 เครื่อง รวมอัตราการสูบน้ำสูงสุด 90 ลบ.ม./วินาที ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำจากเดิมที่สามารถระบายน้ำได้ 465 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มเป็น 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และเมื่อระบายน้ำร่วมกับคลองอู่ตะเภาในอัตรา 465 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะสามารถเพิ่มศักยภาพในการระบายน้ำได้สูงสุดรวมกันประมาณ 1,665 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที รวมทั้งยังเป็นแหล่งน้ำสำรองในช่วงฤดูแล้งประมาณ 5.00 ล้าน ลบ.ม. ด้วย
ทั้งนี้ ความก้าวหน้าของงานก่อสร้างปรับปรุงคลองระบายน้ำ ร.1 พร้อมอาคารประกอบ โครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ (ระยะที่ 2) มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 99.32% เหลือแค่ในส่วนของงานราดยางถนนบนคันคลองที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อการระบายน้ำ ปัจจุบันคลองระบายน้ำ ร.1 มีศักยภาพในการระบายน้ำได้สูงสุด 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีตามเป้าหมายที่วางไว้ จึงมั่นใจได้ว่าในช่วงฤดูฝนของปี 2565 โครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ (ระยะที่ 2) จังหวัดสงขลา จะสามารถใช้ป้องกันและบรรเทาปัญหาอุทกภัยให้กับราษฎรในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่และพื้นที่ใกล้เคียงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับอำเภอหาดใหญ่เคยเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปี 2543 และ ปี2548 โดยเมื่อวันที่ 21-23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เกิดฝนตกหนัก 3 วัน 3 คืน น้ำฝนที่ตกในเขตเทือกเขาสันกาลาคีรี บริเวณพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับมาเลเซีย ซึ่งปกติจะระบายผ่านคลองอู่ตะเภา ผ่านเขตอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ไหลออกสู่อ่าวไทยบริเวณทะเลสาบสงขลา แต่ในปี พ.ศ. 2543 การระบายน้ำทำได้ไม่ดีเนื่องจากคูคลองตื้นเขิน และมีแนวคันกีดขวางทางเดินของน้ำ คือ ถนนลพบุรีราเมศวร์ ที่สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2533 ถนนสายสนามบิน-ควนลัง และทางรถไฟ
ประกอบกับพื้นที่ของตัวอำเภอหาดใหญ่มีลักษณะเป็นที่ลุ่มรูปแอ่งกระทะ ทำให้น้ำได้เข้าท่วมเขตเศรษฐกิจ ศูนย์การค้า ในตัวเมืองชั้นในของอำเภอหาดใหญ่ บางพื้นที่มีระดับน้ำสูงถึง 2 เมตรสร้างความเสียหาย มากกว่า 1 หมื่นล้านบาท จำนวนผู้เสียชีวิตตามประกาศจากทางราชการ 35 คน โดยจำนวนผู้เสียชีวิตจริง ข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการสูงถึง 233 คน ไม่รวมชาวต่างประเทศนับเป็นเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่งในประเทศไทย
และเกิดอุทกภัยซ้ำอีกครั้งใน 16 อำเภอของจังหวัดสงขลาและเขตรอบนอกของตัวเมืองหาดใหญ่ ระหว่างวันที่ 13-20 ธันวาคม พ.ศ. 2548 ซึ่งผลไม่รุนแรงเท่าในปี พ.ศ. 2543 แต่มีผู้ประสบความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก