13 ตุลาคม 2565 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฎิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา “หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง” บริเวณหัวเกาะประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มจะเคลื่อนตัวลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนกลาง คาดว่าจะทวีกำลังแรงขึ้น และเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางในช่วงวันที่ 13-14 ต.ค. 65 ส่งผลทำให้ในช่วงวันที่ 14-15 ต.ค. 65 บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณจังหวัดมุกดาหาร กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
นายอนุชา ฯ กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย ขอให้ติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาซึ่งติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือสายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะเดียวกันวันนี้ ( 13 ต.ค. 65 )นายกฯ ลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วม จ.นนทบุรี โดยนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วม พร้อมเยี่ยมเยียนประชาชนในชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลหนุนสูงและมีน้ำท่วมขัง ณ วัดแสงสิริธรรม ตำบลท่าอิฐ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่
นายกรัฐมนตรี รับฟังบรรยายสรุปจากอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจังหวัดนนทบุรีถึงเส้นทางน้ำ ปัญหาภาพรวมในจังหวัดนนทบุรี โดยพื้นที่ประสบสาธารณภัยเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี รวม 5 อำเภอ 42 ตำบล 268 หมู่บ้าน 65 ชุมชน รวม 110,562 ครัวเรือน มีการก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมหรือเขื่อนป้องกันตลิ่งริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตจังหวัดนนทบุรีไปแล้วรวมระยะ 16,569 เมตร (28.57%)
โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับการดูแลช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ขอให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการและประสานการทำงานกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถดูแลช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทั่วถึง ยืนยันรัฐบาลห่วงใยและพร้อมให้การสนับสนุนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนปลอดภัย เน้นย้ำต้องช่วยกันสำรวจความต้องการช่วยเหลือให้ครอบคลุมทุกด้าน ทุกพื้นที่ จัดเตรียมห้องน้ำ ประสานดูแลจัดหาอาหาร น้ำดื่ม เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค รวมทั้งการช่วยเหลือดูแลสัตว์เลี้ยงด้วย
พร้อมขอให้เร่งระบายน้ำเพื่อให้สถานการณ์ผ่อนคลายโดยเร็วและลดผลกระทบประชาชนให้ได้มากที่สุด ซึ่งในปัจจุบันยังคงมีพื้นที่ที่ยังประสบภัยหลายจังหวัด ดังนั้น ขอให้เจ้าหน้าที่กระจายการดูแลประชาชนให้ทั่วถึง ติดตามให้ความช่วยเหลือให้ครอบคลุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลประชาชนกลุ่มเปราะบาง เด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วย ต้องได้รับการดูแลให้ทันท่วงที
จากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินเยี่ยมเยียนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านหลังวัดแสงสิริธรรม ซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำระดับแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นและไหลเข้าบ้านเรือนประชาชน ซึ่งเป็นผลมาจากน้ำหลากจากทางตอนเหนือไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยา ประกอบกับระดับน้ำทะเลหนุนในช่วงนี้ โดยนายกรัฐมนตรีได้เดินลุยน้ำเข้าไปถึงบ้านที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ พร้อมพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบและชีวิตความเป็นอยู่ด้วยความห่วงใย ให้กำลังใจและทักทายประชาชนในชุมชนอย่างเป็นกันเอง พร้อมย้ำว่าจะดูแลให้ความช่วยเหลือ โดยตลอดการเดินเยี่ยมเยียนประชาชน มีประชาชนและเด็ก ๆ ต่างตะโกนให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีว่า “ลุงตู่สู้ ๆ” “รักลุงตู่” “นายกฯ สู้ๆ”
ภายหลังการเยี่ยมประชาชน นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศขณะนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ซึ่งทุกคนต้องมีการปรับตัวเพื่ออยู่กับธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงอย่างปลอดภัย โดยในส่วนของรัฐบาลก็พยายามทำอย่างเต็มที่ รวมถึงการบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด รวมถึงการสนับสนุนงบประมาณในโครงการต่าง ๆ ในการป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วม
ทั้งนี้ ระหว่างที่โครงการต่าง ๆ กำลังดำเนินการอยู่ และยังไม่แล้วเสร็จก็อาจทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม จึงขอความร่วมมือประชาชนทุกคนได้ร่วมมือกันเพื่อให้ผ่านพ้นความยากลำบากครั้งนี้ไปให้ได้ ซึ่งรัฐบาลจะทำอย่างเต็มที่ในการดูแลประชาชนทุกด้าน รวมถึงการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบของประเทศ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากน้ำทะเลที่หนุนสูงขึ้น รวมทั้งน้ำที่ไหลมาจากทางภาคเหนือทำให้น้ำในพื้นที่แม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น จึงส่งผลกระทบกับประชาชนที่อยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะทำอย่างเต็มที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยขอชื่นชมการปรับตัวของประชาชนในพื้นที่ได้ทันตามสถานการณ์ และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันด้วยความเข้าใจ มีความรักความสามัคคี มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ร่วมมือร่วมใจกันแบ่งเบาปัญหา และยังคงมีรอยยิ้มให้กันในยามที่ต้องเผชิญกับปัญหาและสถานการณ์ที่ยากลำบาก พร้อมขอบคุณและชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุกส่วนในการดูแลประชาชนให้สามารถอยู่ได้อย่างปลอดภัยและมีกำลังใจที่เข้มแข็ง ซึ่งการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนจะมีการดำเนินการช่วยเหลือเป็นไปตามหลักเกณฑ์ และหลักปฏิบัติที่ดำเนินการมาอยู่แล้ว