30 ก.ย.65 ที่ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ(SWOC) นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วยดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุโนรู ที่ส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกแผ่กระจายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ปัจจุบัน(30 ก.ย.65)สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำชี-มูล ที่สถานีวัดน้ำ M7 อ.เมือง จ.อุบลราชธานี มีปริมาณน้ำไหลผ่านในอัตรา 3,939 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที แนวโน้มระดับน้ำยังคงเพิ่มขึ้น กรมชลประทานโดยสำนักเครื่องจักรกล และสำนักงานชลประทานที่ 7 ได้ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำเพิ่มเติมบริเวณสะพานโขงเจียม อ.โขงเจียม อีก 86 เครื่อง เพื่อเร่งระบายในลำน้ำมูลลงสู่แม่น้ำโขงได้ประมาณวันละ 442 ล้านลบ.ม. ซึ่งปัจจุบันระดับน้ำในแม่น้ำโขงยังต่ำกว่าระดับน้ำในแม่น้ำมูลประมาณ 1.90 เมตร
ด้านสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันที่สถานี C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,598 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 1.37 เมตร แนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ก่อนที่ปริมาณน้ำนี้จะไหลไปรวมกับน้ำที่มาจากเเม่น้ำสะแกกรังผ่านสถานีวัดน้ำ Ct.19 จ.อุทัยธานี วัดได้ 310 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ระดับน้ำบริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น จำเป็นต้องปรับการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 2,500 ลบ.ม./วินาที ส่วนพื้นที่ตอนล่างที่สถานีวัดน้ำ C.29A อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา มีปริมาณน้ำไหลผ่านเฉลี่ย 2,929 ลบ.ม./วินาที
ทั้งนี้ อธิบดีกรมชลประทาน ได้เน้นย้ำให้โครงการชลประทานทุกแห่ง ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของตัวเขื่อนให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ พร้อมให้พิจารณาปรับการระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำในแต่ละพื้นที่ โดยคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนเป็นหลักควบคู่ไปกับการเก็บกักน้ำในอ่างเก็บน้ำให้ได้มากที่สุด เพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง รวมทั้งได้กำชับให้ถอดบทเรียนจากสถานการณ์น้ำหลาก จ.อุบลราชธานี ในปี 2562 มาเป็นแนวทางการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำชี-มูล เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนให้มากที่สุด สิ่งสำคัญคือให้ประชาสัมพันธ์ข้อมูลสถานการณ์น้ำให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนต่อไป