ชาวบ้าน จ.อ่างทองโวยชลประทานไม่ยอมเปิดประตูระบายน้ำ หวั่นทะลักท่วมชุมชน ขณะที่ชลประทานแจงบริหารจัดการน้ำตามขั้นตอน ให้น้ำไปทางเจ้าพระยาทางเดียวก่อน ถ้าถึงจุดวิกฤติจะเปิดพร้อมกันทุกที่
ชาวบ้านชุมชนบางแก้ว และชาวบ้านหมู่ 10 ต.บ้านอิฐ อ.มือง จ.อ่างทอง รวมตัวกันเดินทางไปตรวจสอบประตูระบายน้ำคลองบางแก้ว ซึ่งอยู่ในสภาพแทบปิดสนิททั้ง 3 บาน ทั้งนี้คลองดังกล่าวเป็นคลองสาขาแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เชื่อมต่อไปยังแม่น้ำลพบุรี โดยขณะนี้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงจนไหลย้อนท่อระบายน้ำเข้าท่วมชุมชนริมน้ำด้านหน้าประตูระบายน้ำที่มีทั้งบ้านเรือนประชาชนและศูนย์ราชการ จนต้องนำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เพื่อสูบน้ำออกจากชุมชนตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะที่ท้ายประตูมีระดับน้ำห่างกันกว่า 5 เมตร ชาวบ้านจึงตั้งคำถามว่าทำไมชลประทานไม่เปิดบานประตูเพื่อระบายน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาลงด้านท้าย เพราะหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ ก็จะซ้ำรอยเหมือนปีที่ผ่านมาที่มา
นายจำนงค์ มะลิอ่อง นายก อบต.บ้านอิฐ เปิดเผยว่า หลังระดับน้ำเหนือเขื่อนเพิ่มมากขึ้นจากการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา แต่ประตูระบายน้ำบางแก้ว กลับไม่ยกบานประตูเพื่อปรับระดับน้ำให้สมดุลกัน ตอนนี้ท้ายเขื่อนต่ำกว่าหน้าเขื่อนถึง 5 เมตร
“ประชาชนร้องเรียนมาให้ช่วยประสานชลประทาน อยากให้ระบายไปบ้างเพื่อลดผลกระทบ แต่พอโทรไปสอบถามกับทางชลประทานก็บอกว่ายังไม่มีนโยบาย ตอนนี้ให้น้ำไปทางเดียวคือเจ้าพระยาเท่านั้น”
นายจำนงค์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมานำเรียนไปยังทั้งนายวีระศักดิ์วิจิตรแสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง และโทรไปแจ้งชลประทาน ซึ่งทางชลประทานกลับมองเป็นปัญหาความไม่พอใจส่วนตัว จึงขอชี้แจงว่า ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับทางชลประทาน แต่เมื่อชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ในฐานะเป็นตัวแทนชาวบ้านก็ต้องทำหน้าที่
ด้านนายพะลิน สุทธิบุตร ผู้อำนวยการโครงการชลประทานอ่างทอง กล่าวว่า ขณะนี้เป็นขั้นตอนของการบริหารจัดการน้ำ ตอนนี้จะระบายน้ำผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยังไม่เปิดเข้าคลองซอยริมเจ้าพระยาตลอดทั้งสาย เพราะต้องการระบายน้ำให้ไปเร็ว และยังเตรียมพร้อมรับมือน้ำที่จะมีฝนตกหนักในช่วงปลายเดือนกันยายน-ตุลาคม โดยจากการการประเมินของกรมชลประทาน”ระดับน้ำยังไม่วิกฤติ” จึงยังไม่ยกบานประตูระบายน้ำเพิ่ม แต่หากวิกฤติก็จะเปิดพร้อมกันทุกที่
ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ยังคงระบายน้ำลงท้ายเขื่อนเพื่อรองรับน้ำเหนือต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 1,989 ลบ.เมตร/วินาที น้ำเหนือเขื่อน 16.44 เมตร , ท้ายเขื่อน 14.45 เมตร ทำให้ระดับน้ำที่สถานีชลมาตร C7A หน้าศาลากลางจังหวัดอ่างทอง อยู่ที่ 7.90 เมตร/รทก. น้ำไหลผ่าน 1872 ลบ.เมตร/วินาที
โดยมีรายงานว่า ระดับน้ำส่งผลกระทบพื้นที่ลุ่มต่ำนอกแนวคันกั้นน้ำในพื้นที่หมู่ 1-7 ต.โผงเผงอ.ป่าโมก มีบ้านเรือนถูกน้ำท่วมแล้ว 213 หลังคาเรือน ต.บางจัก ต.สี่ร้อย อ.วิเศษชัยชาญ 469 หลังคาเรือน , ต.จำปาหล่อ อ.เมือง จ.อ่างทอง 6 หลังคาเรือน และ ต.ชัยฤทธิ์ ต.จรเข้ร้อง ต.ราชสถิตย์ ต.หลักฟ้าต.เทวราช ต.ไชโย อ.ไชโย ซึ่งเป็นอำเภอล่าสุดที่ถูกน้ำท่วม 63 หลังคาเรือน รวม 751 หลังคาเรือน และยังเพิ่มต่อเนื่อง ซึ่งทางจังหวัดอ่างทองได้เตรียมความพร้อมในการรับมือและแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด