ศูนย์เครือข่ายแผ่นดินไหวแห่งประเทศจีน(CENC) รายงานการเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.9 ตามมาตราแมกนิจูด ในอำเภอฮวาเหลียน ทางตะวันออกของเกาะไต้หวัน เมื่อ 14.44 น. ตามเวลาปักกิ่งในวันอาทิตย์(18 ก.ย.)โดยมีศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่ละติจูด 23.15 องศาเหนือ และลองจิจูด 121.30 องศาตะวันออก ที่ระดับความลึก 10 กิโลเมตร
ในวันเดียวกันศูนย์ฯ รายงานการเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.7 แมกนิจูด ในอำเภอไถตงทางตะวันออกของเกาะไต้หวัน เมื่อ 13:19 น. โดยมีศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่ละติจูด 23.09 องศาเหนือ ลองจิจูด 121.27 องศาตะวันออก ที่ระดับความลึก 12 กิโลเมตร
ก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งวัน เมื่อวันเสาร์(17 ก.ย.) สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของไต้หวัน รายงานการเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.5 แมกนิจูดในไถตง เมื่อเวลา 21:41 น. และรายงานเหตุแผ่นดินไหวขนาด 5.3 แมกนิจูดเมื่อเวลา 22:35 น.โดยจวบจนถึงช่วงเช้าของวันอาทิตย์(18 ก.ย.) มีรายงานการสั่นสะเทือนหลังจากนั้นอีก 47 ครั้ง
แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นก่อให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น ผนังถล่ม ระบบไฟฟ้าขัดข้อง ท่อน้ำแตก และเพดานถล่มส่วนทางรถไฟส่วนที่ได้รับผลกระทบต่างกลับมาให้บริการตามปกติแล้ว โดยจนถึงตอนนี้ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต รวมถึงไม่มีรายงานความเสียหายรุนแรง
สำนักงานฯ ระบุว่าแผ่นดินไหวขนาด 6.5 แมกนิจูด ถือเป็นเหตุแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในพื้นที่ศูนย์กลางแผ่นดินไหวดังกล่าวในรอบ 49 ปี ซึ่งเกิดขึ้นในระดับตื้น และรู้สึกถึงแรงสะเทือนได้ทั่วทั้งเกาะ
ด้านข้อมูลของศูนย์เครือข่ายแผ่นดินไหวแห่งประเทศจีน ระบุว่าศูนย์กลางแผ่นดินไหขนาด 6.5 แมกนิจูดนี้อยู่ที่ละติจูด 23.05 องศาเหนือ ลองจิจูด 121.21 องศาตะวันออก ที่ระดับความลึก 10 กิโลเมตร
ขณะที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่น ประกาศเตือนสึนามิความสูง 1 เมตร ในเกาะมิยาโกะ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของทะเลจีน หลังเกิดแผ่นดินไหวในไต้หวันด้วย
ขณะเดียวกันเพจ Face book /สำนักงานแรงงานไทย ไทเป โพสต์ข้อความแสดงความห่วงใยและเตือนแรงงานไทยทุกคน ให้เพิ่มความระมัดระวังเหตุแผ่นดินไหว โดยระบุว่า “ช่วงนี้เกิดแผ่นดินไหวและอาฟเตอร์ช็อก(แผ่นดินไหวตาม)ในไต้หวันหลายครั้ง ซึ่งมีจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่บริเวณเมืองไถตง สนร.ไทเป ขอแสดงความห่วงใยและเตือนแรงงานไทยทุกคน ให้เพิ่มความระมัดระวัง เพราะอาจเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกหลายระลอก ขอให้ทุกคนปลอดภัย”
ขอบคุณข้อมูล(บางส่วน) จาก : สำนักข่าวซินหัว (XinhuaThai)
ขอบคุณภาพ จาก : โซเชี่ยลมีเดีย/อินเทอร์เน็ต