กรมชลประทานเดินหน้าบริหารจัดการน้ำรับมือสถานการณ์น้ำหลากอย่างต่อเนื่อง ขานรับข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ที่กำชับทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมป้องกัน รับมือ ลดผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก เฝ้าระวังน้ำเหนือ
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ย้ำให้เตรียมพร้อมเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์รวมทั้งลดผลกระทบจากสถานการณ์อย่างมีประสิทธิภาพ นั้น กรมชลประทาน ได้บริหารจัดการน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ให้สอดคล้องกับคาดการณ์ปริมาณฝนตกหนักในช่วงวันที่ 8 – 9 ส.ค. 65 ซึ่งจะทำให้เกิดน้ำท่าไหลลงสู่เขื่อนเจ้าพระยา ประมาณกลางเดือนสิงหาคม
ด้วยการปรับการระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ให้อยู่ในเกณฑ์ 700 – 1,100 ลบ.ม./วินาที จะส่งผลให้พื้นที่ริมน้ำด้านท้ายเขื่อนระดับน้ำจะทยอยเพิ่มสูงขึ้น ได้แก่ บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และ ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่จ.พระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย)
ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้โครงการชลประทานในพื้นที่เฝ้าระวังติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมปรับแผนบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำ เขื่อนระบายน้ำ และประตูระบายน้ำ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ตรวจสอบความมั่นคงของอาคารป้องกันริมแม่น้ำ เสริมคันกั้นน้ำบริเวณจุดเสี่ยงพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ รวมทั้งประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมน้ำนอกแนวคันกั้นน้ำ และบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำให้ทราบล่วงหน้า เตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ พร้อมให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนได้ทันที
สำหรับสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา วันนี้ (8 ส.ค. 65) เวลา 18.00 น. ที่สถานี C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 751 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง6.88 เมตร ควบคุมการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาที่สถานี C.13 อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ในอัตราประมาณ 715 ลบ.ม./วินาที
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำ ได้ที่www.rid.go.th https://www.facebook.com/Kromchon
http://swoc.rid.go.th/ https://www.facebook.com/Wmsc.Irri หรือจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด หากต้องการความช่วยเหลือสามารถร้องขอไปยังโครงการชลประทานในพื้นที่ หรือโทรสายด่วน1460 ได้ตลอดเวลา