กรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์ทั่วประเทศว่า ปัจจุบัน (9 เม.ย.68) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 46,449 ล้าน ลบ.ม. (61% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้ 22,511 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 14,585 ล้าน ลบ.ม. (59% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) ปริมาณน้ำใช้การได้ 7,889 ล้าน ลบ.ม. จนถึงขณะนี้ทั้งประเทศมีการจัดสรรน้ำไปแล้ว 26,031 ล้าน ลบ.ม. (89% จากแผนฯ) เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยาจัดสรรน้ำไปแล้ว 8,788 ล้าน ลบ.ม. (98% จากแผนฯ) ด้านผลการเพาะปลูก ทั้งประเทศมีการเพาะปลูกข้าวนาปรังแล้ว 9.93 ล้านไร่ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพาะปลูกข้าวนาปรังไปแล้ว 6.35 ล้านไร่
ทั้งนี้ ยังอยู่ในช่วงบริหารจัดการน้ำฤดูแล้ง ได้กำชับไปยังโครงการชลประทานทั่วประเทศ ให้บริหารจัดการน้ำตามแผนจัดสรรน้ำฤดูแล้งอย่างเคร่งครัด เน้นน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคต้องเพียงตลอดปี พร้อมพิจารณาปรับแผนการระบายน้ำให้มีความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ด้วยความประณีต ควบคู่ไปกับการจัดหาแหล่งน้ำสำรองและเก็บกักน้ำให้มากที่สุด ตลอดจนขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมกันรณรงค์ให้มีการใช้น้ำอย่างประหยัดและรู้คุณค่า เพื่อให้มีน้ำเพียงพอตลอดช่วงฤดูแล้งนี้ ต่อเนื่องไปจนถึงต้นฤดูฝนหน้า ตามนโนบายของศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
