ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามการเตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี โดยมีผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารส่วนราชการจังหวัดเพชรบุรี และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ ณ เขื่อนเพชร อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี
รมว.นฤมล กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมชลประทาน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วางแผนรับมือสถานการณ์อุทกภัยและติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งจัดเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือรวมถึงจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ให้พร้อมเข้าปฏิบัติงานอย่างทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์เกิด ตลอดจนเตรียมศึกษา ทบทวนการดำเนินโครงการบรรเทาอุทกภัยพื้นที่ลุ่มน้ำเพชรบุรีตอนล่าง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี ประกอบด้วย 1.การก่อสร้างจุดรับน้ำ ต.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง และ 2.การก่อสร้างจุดระบายน้ำลงทะเล ต.บางเก่า และต.หนองศาลา อ.ชะอำ รวมถึง ต.ปีกเตียน อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ในรูปแบบคลองระบายน้ำหลาก D1 ความยาวรวม 38.5 กิโลเมตร ระบายน้ำได้สูงสุด 350 ลบ.ม/วินาที และงานเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำเขื่อนแก่งกระจาน 103 ลบ.ม./ วินาที เพื่อเพิ่มปริมาณแหล่งน้ำต้นทุนในภาคการเกษตร ให้สอดคล้องกับความต้องการและปริมาณพื้นที่เกษตรกรรมกว่า 810,000 ไร่ ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำเพื่ออำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชนในพื้นพื้นที่มีน้ำเพียงพอต่อการอุปโภค-บริโภคอย่างยั่งยืนต่อไป
จากนั้น คณะรัฐมนตรีเกษตรฯ เดินทางต่อไปยังสะพานดำ อ.เมืองเพชรบุรี จ.เพชรบุรี เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ ในแม่น้ำเพชรบุรี โดยรมว.นฤมล ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมบูรณาการขับเคลื่อนภารกิจต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ รวมถึงการประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือนข่าวสารให้แก่ประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีการเตรียมพร้อมและได้รับผลกระทบน้อยที่สุดอีกด้วย
“สำหรับรายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีรีวันนี้ น่าจะเป็นข่าวดีสำหรับที่น้องเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ ไม่ว่าจะประเด็นน้ำท่วมซึ่งจากรายงานปริมาณฝนและสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขณะนี้ยังอยู่ในปริมาณสามารถควบคุมได้ หรือในประเด็นน้ำแล้ง ขอให้พี่น้องเกษตรกรมั่นใจว่าสามารถทำนาปรังได้อย่างแน่นอน เนื่องจากปริมาณน้ำที่กักเก็บไว้มีเพียงพอ แต่อย่างไรก็ตามกระทรวงเกษตรฯ จะยังคงบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดและไม่ประมาทต่อไป” รมว.นฤมล กล่าว