กรมชลประทาน เปิดเผยว่า เนื่องด้วยขณะนี้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ส่งผลให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกทำให้ปัจจุบัน( ณ วันที่ 7 ส.ค.67) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 43,634 ล้าน ลบ.ม. (57% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) ยังสามารถรับน้ำได้อีก 32,703 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 11,138 ล้าน ลบ.ม. (45% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 13,733 ล้าน ลบ.ม.
สถานการณ์น้ำท่าส่วนใหญ่มีแนวโน้มลดลง คงเหลือแต่ลุ่มน้ำป่าสัก ลุ่มน้ำโขง และลุ่มน้ำบางปะกง ที่ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำสะสมในพื้นที่ โดยในส่วนของแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สถานี C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ในอัตรา 1,206 บ.ม./วินาที (เมื่อวาน 1,208 ลบ.ม./วินาที) ระดับน้ำยังคงต่ำกว่าตลิ่ง กรมชลประทาน ได้ทำการรับน้ำจากทางตอนบนเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาเท่าที่จำเป็น พร้อมควบคุมการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ให้คงอยู่ในอัตรา 800 ลบ.ม./วินาที เพื่อรองรับปริมาณน้ำที่จะเพิ่มขึ้นจากฝนที่ตกในระยะนี้ ซึ่งจะทำระดับน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มขึ้น โดยมีพื้นที่เฝ้าระวังระดับน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ต.หัวเวียง อ.เสนา, ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย) ด้านพื้นที่ลุ่มน้ำป่าสัก ที่มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์อย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ได้มีการทยอยปรับการระบายน้ำให้อยู่ในอัตรา 80 ลบ.ม./วินาที เพื่อควบคุมระดับน้ำในอ่างฯ ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมอีกประมาณ 20 – 30 ซ.ม. โดยระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นยังอยู่ในลำน้ำ ไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ริ่มตลิ่ง ทั้งนี้ ได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ประชาสัมพันธ์แจ้งประชาชนให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำจากหน่วยงานทางราชการอย่างใกล้ชิดเนื่องจากยังมีฝนตกในพื้นที่
ในขณะที่หลายพื้นที่สถานการณ์น้ำเริ่มคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ยังคงมีพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยอยู่ กรมชลประทาน ยังคงเดินหน้าให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ พร้อมติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ รวมทั้งบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนถึงสถานการณ์น้ำให้ประชาชนรับรู้รับทราบอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนให้ได้มากที่สุด ตามข้อสั่งการของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์