เช้าวันนี้(27 พ.ค. 67) นายชูชาติ รักจิตร อธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานการแถลงข่าว “ สรุปการบริหารจัดการน้ำฤดูแล้ง ปี 2566/67 พร้อมรับมือฤดูฝน ปี 2567” ผ่านระบบ VDO Conference และ Facebook Live กรมชลประทาน โดยมี นางสาวกรรวี สิทธิชีวภาค อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา และนายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน เข้าร่วมการแถลงข่าวในครั้งนี้
นายชูชาติ รักจิตร อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตลอดช่วงฤดูแล้งที่ผ่านมา กรมชลประทาน ได้บริหารจัดการน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดด้วยความปราณีตและรัดกุม ประกอบกับได้รับความร่วมมือจากเกษตรกรและประชาชนทุกภาคส่วนที่ร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัด จึงทำให้การใช้น้ำเป็นไปตามแผนการจัดสรรน้ำที่วางไว้อย่างเพียงพอ ต่อจากนี้จะเป็นการบริหารจัดการน้ำฤดูฝนปี 67 (1 พ.ค.-31 ต.ค.67) ตามการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า สภาวะเอลนีโญในขณะนี้จะอ่อนกำลังลงและเปลี่ยนเข้าสู่ภาวะเป็นกลาง ในช่วงเดือนมิถุนายน โดยมีความน่าจะเป็นถึงร้อยละ 69 ที่จะเปลี่ยนสู่สภาวะลานีญ่า ซึ่งจะส่งผลให้มีปริมาณฝนเพิ่มมากขึ้นในเดือนกรกฎาคม-กันยายน และจะคงสภาวะนี้ต่อเนื่องไปจนถึงปลายปี 2567 จึงได้กำชับไปยังโครงการชลประทานทั่วประเทศให้ปฏิบัติตาม 10 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 67 ที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กำหนดอย่างเคร่งครัด พร้อมเฝ้าระวังและติดตามสภาพอากาศจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง นำข้อมูลมาวิเคราะห์วางแผนการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์และอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด ควบคู่ไปกับการเก็บกัก รวมทั้งตรวจสอบอาคารชลประทานให้พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ มีการกำหนดคน กำหนดพื้นที่เสี่ยง กำหนดเครื่องจักรเครื่องมือและระบบสื่อสาร ประจำพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้สามารถเข้าแก้ไขสถานการณ์ได้ทันที ที่สำคัญให้ทำการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนถึงสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนได้มากที่สุด ตามข้อสั่งการของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ด้าน นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน ได้สรุปผลการจัดสรรน้ำฤดูแล้งปี66/67 ว่า ในช่วงฤดูแล้งปี 2566/67 กรมชลประทาน ได้วางแผนจัดสรรน้ำฤดูแล้ง (ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 – 30 เมษายน 2567) ไว้ทั้งสิ้น 24,985 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยาวางแผนจัดสรรน้ำไว้ประมาณ 8,700 ล้าน ลบ.ม. เพื่อสนับสนุนการใช้น้ำอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ การเกษตร และอุตสาหกรรม รวมไปถึงการควบคุมค่าความเค็มและคุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลักต่างๆ ปัจจุบันสิ้นสุดฤดูแล้งแล้ว พบว่าทั้งประเทศมีการใช้น้ำตลอดช่วงฤดูแล้งรวมทั้งสิ้นประมาณ 23,832 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 95 ของแผนฯ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีการใช้น้ำรวมประมาณ 8,586 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 99 ของแผนฯ ภาพรวมผลการจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้งเป็นไปตามแผนที่วางไว้ พื้นที่ในเขตชลประทานไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการขาดแคลนน้ำ อีกทั้งยังมีปริมาณน้ำสำรองไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูฝนอย่างเพียงพอ โดย ณ วันที่ 1 พ.ค. 67 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งประเทศมีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 41,765 ล้าน ลบ.ม. ยังสามารถรองรับน้ำในช่วงฤดูฝนได้อีกกว่า 34,572 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 11,256 ล้าน ลบ.ม. สามารถรองรับน้ำในช่วงฤดูฝนได้อีกกว่า 13,615 ล้าน ลบ.ม. พร้อมกันนี้ ยังได้วางมาตรการบริหารจัดการน้ำฤดูฝน เพื่อให้มีปริมาณน้ำเพียงพอใช้ไปจนถึงฤดูแล้งหน้า ด้วยการจัดสรรน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศอย่างเพียงพอ ส่งเสริมให้เกษตรกรใช้น้ำฝนเป็นหลักในการเพาะปลูก บริหารจัดการน้ำท่าให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ควบคู่ไปกับการเก็บกักน้ำ รวมทั้งวางแผนป้องกันอุทกภัย เพื่อลดผลกระทบและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด