ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดน่าน โดยมี นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงศ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารสังกัดกระทรวงและสหกรณ์ นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ ณ องค์การบริหารส่วนตำบลไชยสถาน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน
รมว.ธรรมนัส กล่าวว่า “แม่น้ำน่าน เป็นแม่น้ำสายที่ยาวที่สุดในภาคเหนือ และเป็นสายหลักที่ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาถึงร้อยละ 45 ซึ่งต้องเร่งสร้างอ่างเก็บน้ำให้ประชาชนต้นสายได้ใช้น้ำ และป้องกันไม่ให้ไหลท่วมสู่จังหวัดข้างเคียง อีกทั้งเป็นจังหวัดขนาดใหญ่อันดับที่ 13 ของประเทศ มีพื้นที่ประมาณ 7 ล้านกว่าไร่ มีพื้นที่ติดชายแดนประเทศลาว มีสถานที่พัก และสถานที่ท่องเที่ยวอยู่ใกล้เคียงกัน จึงอยากให้พัฒนาการเกษตรควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวจะทำให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น”
นอกจากนี้ รมช.อรรถกร ได้กล่าวเสริมว่า กระทรวงเกษตรฯ ภายใต้การนำของ รมว.ธรรมนัส เป็นการลงพื้นที่รับฟังความเห็นประชาชนตามจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งเมื่อวาน (18 พ.ค.67) ผมได้ลงพื้นที่พบปะสมาชิกสหกรณ์ ณ ที่ทำการสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดของลูกค้า ธ.ก.ส.น่าน พบว่าประสบปัญหาด้านราคาสินค้าเกษตร ดังนั้น กระทรวงเกษตรฯ ต้องทำงานควบคู่กับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อยกระดับรายได้ของเกษตรกรให้เพิ่มขึ้น 3 เท่าใน 4 ปี รวมถึงใช้การทำสินค้าเกษตร แบบมีตลาดนำ เพื่อให้เกิดการรับซื้อสินค้า ซึ่งในฐานะ รมช.เกษตรฯ ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องเศรษฐกิจของพี่น้องเกษตรกร ผมจะทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างโปร่งใส และสามารถเข้าถึงได้
หลังจากนั้น รมว.ธรรมนัส ได้มอบโฉนดเพื่อการเกษตรแก่เกษตรกร จำนวน 200 ราย และเดินทางต่อไปยังจุดก่อสร้างประตูระบายน้ำสมุน บ้านตาแก้ว ตำบลไชยสถาน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการให้มีประสิทธิภาพ พร้อมบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้มีน้ำใช้เพียงพอในพื้นที่
สำหรับช่วงบ่าย รัฐมนตรีเกษตรฯ นำครอบครัวกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบปะเกษตรกร ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอแม่จริม ตำบลหนองแดง อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน และเดินทางไปต่อที่หอประชุม 2 โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน เพื่อรับทราบความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำน้ำกิ ซึ่งเป็นโครงการที่ รมว.ธรรมนัส มอบหมายให้ทางกรมชลประทานศึกษาและรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ตั้งแต่ปี 2565 เพื่อสร้างอ่างเก็บน้ำความจุขนาด 52 ล้าน ลบ.ม. เพื่อช่วยเกษตรกรกักเก็บน้ำสำหรับเพาะปลูก และใช้อุปโภค-บริโภค รวมถึงรองรับน้ำไม่ให้ไหลท่วมสู่พื้นที่ด้านล่าง อีกทั้ง สร้างเป็นแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดน่าน อีกด้วย