กรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำปัจจุบัน (25 ม.ค.67) พบว่า อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 55,823 ล้าน ลบ.ม. (73% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 16,020 ล้าน ลบ.ม. (64% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) กรมชลประทานได้วางแผนจัดสรรน้ำช่วงฤดูแล้งปี 2566/67 ตามปริมาณน้ำต้นทุนที่มี ด้วยการจัดสรรน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นหลัก รักษาระบบนิเวศ การเกษตร อุตสาหกรรม และสำรองไว้ใช้ในต้นฤดูฝนหน้าตามลำดับ จนถึงขณะนี้มีการจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้งทั้งประเทศไปแล้วกว่า 10,285 ล้าน ลบ.ม. (48%) เฉพาะลุ่มเจ้าพระยามีการใช้น้ำไปแล้วประมาณ 3,409 ล้าน ลบ.ม. (56%) ปัจจุบันทั้งประเทศมีการเพาะปลูกข้าวนาปรังไปแล้ว 7.88 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 136 ของแผนฯ เฉพาะลุ่มเจ้าพระยา มีการเพาะปลูกข้าวนาปรังไปแล้ว 5.43 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 180 ของแผนฯ
ทั้งนี้ ได้จึงกำชับไปยังโครงการชลประทานโดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก บริหารจัดการน้ำให้เหมาะสมสอดคล้องกับปริมาณน้ำในพื้นที่และเกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมประชาสัมพันธ์ถึงสถานการณ์ให้ประชาชนรับรู้รับทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยงผลผลิตเสียหาย รวมทั้งปฏิบัติตาม 9 มาตรการรับมือฤดูแล้งปี 66/67 ที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติกำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปตามแผน และเพียงพอไปตลอดช่วงฤดูแล้งนี้
ส่วนในพื้นที่ภาคใต้ กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า หย่อมความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จะแผ่ปกคลุมบริเวณประเทศจีนตอนใต้และเวียดนามตอนบน ซึ่งจะส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยมีอากาศเย็นลง ลักษณะเช่นนึ้จะส่งผลให้ภาคใต้มีปริมาณฝนเพิ่มขึ้น จึงได้สั่งการไปยังโครงการชลประทานที่ 16-17 เฝ้าระวังและติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด จัดเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือประจำจุดเสี่ยงพร้อมเข้าช่วยเหลือพื้นที่ได้ทันที ตลอดจนบูรณาการร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนถึงสถานการณ์น้ำให้ประชาชนรับรู้รับทราบได้อย่างทันท่วงที เพื่อบรรเทาความเสียหายที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด