สำหรับสถานการณ์น้ำปัจจุบัน (14 ธ.ค. 66) พบว่าอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 60,473 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ79 ของความจุอ่างฯรวมกัน เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 18,060 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 73 ของความจุอ่างฯรวมกัน กรมชลประทานได้วางแผนจัดสรรน้ำช่วงฤดูแล้งปี 2566/67 ตามปริมาณน้ำต้นทุนที่มี ด้วยการจัดสรรน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นหลัก รักษาระบบนิเวศ การเกษตร อุตสหกรรม และสำรองไว้ใช้ในต้นฤดูฝนหน้าตามลำดับ จนถึงขณะนี้มีการจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้งทั้งประเทศไปแล้วกว่า 4,668 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 22 ของแผนฯ เฉพาะลุ่มเจ้าพระยามีการใช้น้ำไปแล้วประมาณ 1,088 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 18 ของแผนฯ ภาพรวมการบริหารจัดการน้ำ ยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ด้านสถานการณ์ค่าความเค็มในแม่น้ำสายหลัก ยังอยู่ในเกณฑ์ควบคุม แต่ในช่วงกลางเดือนนี้ จะมีภาวะน้ำทะเลหนุนสูง ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
สำหรับพื้นที่ภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดระนอง สุราษฎร์ธานี ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ที่ประสบปัญหาอุทกภัยในช่วงที่ผ่านมา ปัจจุบันสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ประกอบกับปริมาณฝนจะเริ่มลดลงและใกล้เข้าสู่ฤดูแล้งของภาคใต้ จึงได้เน้นย้ำให้โครงการชลประทานในพื้นที่บริหารจัดการน้ำควบคู่ไปกับการเก็บกัก เพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งให้ได้มากที่สุด พร้อมปฏิบัติตาม 9 มาตรการรองรับฤดูแล้ง ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(กนช.) เห็นชอบอย่างเคร่งครัด ที่สำคัญให้ทำการประชาสัมพันธ์ถึงสถานการณ์น้ำให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปตามแผนที่วางไว้ เพียงพอใช้ตลอดช่วงฤดูแล้งนี้