นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายการ ขับเคลื่อนด้านการเกษตร การพัฒนาเศรษฐกิจการค้าที่ถูกกฎหมายตามแนวชายแดน เพื่อสร้างเงิน สร้างงาน สร้างรายได้ ให้กับประชาชน และเป็นการสนับสนุนเสถียรภาพให้เกิดขึ้น เพื่อสร้างประโยชน์ร่วมกันของทุกประเทศ ตลอดจนการเป็นผู้นำในการส่งเสริมสันติภาพ และผลประโยชนร่วมกันของโลก และบริหารสถานการณ์ภูมิศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศอย่างเหมาะสม พร้อมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีนโยบายสงครามกับสินค้าเกษตรผิดกฎหมายนั้น
วันนี้ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว. เกษตรฯ ได้ลงนามในหนังสือถึง ผู้บัญชาการทหารบกและแม่ทัพภาคที่ 1-4 เพื่อขอให้ผู้บัญชาการทหารบก และแม่ทัพภาคที่ 1-4 สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้การกำกับดูแล เฝ้าระวังการลักลอบนำเข้า ส่งออกสินค้าพืช และผลผลิตทางการเกษตร พื้นที่แนวชายแดน และจุดตรวจต่างๆ รวมถึงเพิ่มความเข้มงวด ในการตรวจสอบเพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้า ส่งออกสินค้าพืช และผลผลิตทางการเกษตร
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเรียนว่า ขณะนี้เป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวพืช และผลผลิตทางการเกษตร ของประเทศเพื่อนบ้านหลายชนิด อาทิเช่น ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง กระเทียม หอมแดง กาแฟ และยางพารา เป็นต้น ซึ่งอาจมีการลักลอบนำสินค้าพืช และผลผลิตทางการเกษตรดังกล่าวมาจำหน่ายตามแนวชายแดน สร้างผลกระทบต่อราคาสินค้าพืช ผลผลิตทางการเกษตรภายในประเทศ และอาจนำศัตรูพืชต่างถิ่นเข้ามาระบาดในประเทศไทย สร้างความเสียหายต่อภาคการผลิตพืชของเกษตรกร ตลอดจนการนำมาสวมสิทธิ์สินค้าพืช และผลผลิตทางการเกษตรจากประเทศไทย เพื่อส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ ซึ่งเป็นการไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายภายในประเทศ อีกทั้งยังเป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของประเทศผู้นำเข้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ และคุณภาพมาตรฐานสินค้าพืช และผลผลิตทางการเกษตรของไทย โดยอาจนำไปสู่การระงับการนำเข้าสินค้าพืช และผลผลิตทางการเกษตรของไทยได้อีกด้วย
ในโอกาสนี้ นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร รุดลงพื้นที่ จันทบุรี ระยอง และพื้นที่ภาคตะวันออกทันที พร้อมสั่งการ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 (ผอ.สวพ. 6) หัวหน้าด่านตรวจพืชจันทบุรี หัวหน้าด่านตรวจพืชท่าเรือแหลมฉบัง เข้มงวดตรวจสอบ ปราบปรามการลักลอบนำเข้า ส่งออก สินค้าเกษตรผิดกฎหมาย ตามนโยบายของ รมว เกษตรฯ ที่กำหนดมาตรการประกาศสงครามกับสินค้าเกษตรเถื่อนอย่างจริงจัง