สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินทำเกษตรผสมผสานรวมไปถึงการน้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาใช้ในการดำเนินชีวิต อันประกอบไปด้วย ความพอประมาณ ความมีเหตุมีผล และการมีภูมิคุ้มกันในตัวเองที่ดี มาปรับใช้ในการเกษตร ด้วยการทำสวนแบบพอเพียงที่ประยุกต์มาจากเกษตรทฤษฎีใหม่ ทำให้เกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเองได้ในทุกสถานการณ์ สามารถบริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่าและยั่งยืน
นางกุหลาบทิพย์ แก่นลา หนึ่งในเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล ตำบลบ่อทอง อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี (คทช.ชลบุรี) วัย 49 ปี เล่าว่า ในอดีตตนได้ทำธุรกิจส่วนตัว มีรายได้ปีละ 480,000 บาท แต่พบปัญหาหนี้สินจำนวนมาก เกิดปัญหาขาดสภาพคล่อง จึงตัดสินใจขอเข้ารับการจัดสรรที่ดิน คทช.ชลบุรี หลังจากได้รับสิทธิเข้าทำประโยชน์ในที่ดิน โดยได้รับการจัดสรรพื้นที่แปลงเกษตรกรรม จำนวน 5 ไร่ เพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน และแปลงที่อยู่อาศัย จำนวน 1 ไร่ เพื่อสร้างที่อยู่อาศัย ปลูกพืชผักสวนครัว ไม้ผล และไม้ดอก
นอกจากนี้ยังได้มีการบริหารจัดการน้ำ โดยการติดตั้งปั๊มและวางระบบน้ำในแปลงเกษตรร่วมกับเกษตรกรบริเวณใกล้เคียง ซึ่งผลผลิตในแปลงที่สามารถเก็บเกี่ยวและสร้างรายได้แล้ว คือ ไผ่หวานที่สามารถเก็บผลผลิตได้ทุก 6 เดือน ซึ่งจะมีผลผลิตสูงสุดในช่วงฤดูฝน นอกจากนี้ยังมีผักกูด ซึ่งสามารถเก็บผลผลิตได้ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ และในส่วนของปาล์มน้ำมัน จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เดือนละ 2 ครั้ง และในอนาคตจะมีการปลูกพืชผักแซมในสวนปาล์มน้ำมันเพื่อสร้างรายได้หมุนเวียนต่อไป
จากเรื่องราวของนางกุหลาบทิพย์ แก่นลา เกษตรกรที่ได้น้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการจัดสรรพื้นที่ ที่อยู่อาศัย แปลงเกษตรผสมผสาน ปลูกพืชที่ใช้ต้นทุนต่ำ รวมถึงแปลงไม้ยืนต้น ทำให้มีรายได้ทุกวัน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยง และเพิ่มภูมิคุ้มกันความเสี่ยงของการดำเนินชีวิตที่เกินตัว ทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ยั่งยืน และอยู่ได้ อยู่ดี มีความสุข ในเขตปฏิรูปที่ดิน