นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายจัดทำงบประมาณปี 2567 ย้ำ จะสร้างรายได้ ขยายโอกาส ดูแลคุณภาพชีวิต และความมั่นคงให้กับประชาชน ยืนยันจะบริหารงบประมาณให้เป็นประโยชน์ รักษาวินัยงานการเงินการการคลังอย่างเคร่งครัด พร้อมอัดฉีดงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 5 แสน 6 หมื่นล้าน ในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ทำเกษตรกรมีรายได้เพิ่ม 3 เท่าภายใน 4 ปี ค่าแรง 400 บาททำทันที ไม่สนับสนุนข้าราชการที่ทำตัวเป็นนายประชาชน
นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นประธานมอบนโยบาย และแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ว่า ปัจจุบันประเทศกำลังเผชิญความท้าทาย ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ประเทศไทยฟื้นตัวช้าจนเกิดความเหลื่อมล้ำในหลายระดับ อีกทั้งในอนาคตประเทศจะเผชิญกับความท้าทาย ทำให้รัฐต้องใช้งบประมาณมากขึ้นในการดูแลประชาชน พร้อมย้ำว่า รัฐบาลจะดำเนินการอย่างจริงจังผ่านการร่วมมือกับภาคเอกชน โดยให้ความสำคัญ 3 ประการ คือ ฟื้นฟูรายได้ โดยจะกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการอัดฉีดงบประมาณ 560,000 ล้านบาท จะช่วยทำให้เศรษฐกิจเกิดการหมุนเวียน ยืนยันใช้ได้แน่นอนในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ฟื้นฟูการท่องเที่ยว ผ่านมาตรการเบื้องต้น คือ วีซ่าฟรี และหลังจากนี้จะวางแผนขยายไปยังประเทศอื่น รวมถึงพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวด้วยการจัดโรดโชว์ มั่นใจจะสามารถเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเริ่มต้นได้ที่ 400 บาทต่อเดือนได้ และจะดำเนินการเป็น 600 บาทต่อเดือน ปริญญาตรี 25,000 บาท ภายในปี 2570 ตลอดจนการหามาตรการลดค่าครองชีพให้กับประชาชน และเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยจะเร่งทำประชามติเพื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คืนอำนาจให้ประชาชน แต่ทั้งหมดล้วนต้องใช้งบประมาณ โดยจะวางแผนหาเงินคืนส่วนนี้ รวมถึงจะเคร่งครัดวินัยการเงินการคลัง
ขณะที่แผนระยะยาว รัฐบาลจะพยามให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งการสร้างรายได้ การมอบโอกาส และการดูแลชีวิตอย่างยั่งยืน ด้วยการเปิดการค้า ดึงดูดนักลงทุน ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่า ภายใน 4 ปี สนับสนุนสตาร์ทอัพ เอสเอ็มอีให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน วางแผนทำโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ขนายสนามบิน เพื่อให้รับนักท่องเที่ยว ควบคู่กับการดูแลการบริการ รถไฟต้องเชื่อมต่อกับรางรถไฟของโลก เพื่อขนส่งสินค้าไปทั่วโลก เปิดการค้ากับต่างประเทศให้มากขึ้น ซึ่งรัฐบาลจะเดินหน้าเจรจา FTA มุ่งเน้นไปยุโรป อาหรับ แอฟริกา เปลี่ยนบทบาทผู้นำประเทศ จะไม่รอคำเชิญเท่านั้น แต่จะรุกออกไปพบปะ ไปจัดกิจกรรมเพื่อบอกกับนานาประเทศ ว่า “ประเทศไทยเปิดแล้ว”
นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับเรื่องที่ดิน ให้ประชาชนเข้าถึงที่ดินทำกิน ซึ่งหน่วยงานทหารก็พร้อมจัดสรรที่ดินให้กับประชาชน พัฒนาระบบการศึกษา ประเทศไทยจะต้องเป็นสังคมเรียรู้ตลอดชีวิต พัฒนาทั้งนักเรียน และครู ทำหลักสูตรให้ทันสมัย กระตุ้นการท่องเที่ยวทำให้โลซีซั่นหมดไป เพื่อให้ประเทศไทยท่องเที่ยวได้ตลอดปี ดูแลความมั่นคง บริหารจัดการกำลังพล ทรัพยากรให้เหมาะสม ปรับเปลี่ยนการเกณฑ์ทหารแบบสมัครใจ ปราบปราบยาเสพติดให้หมดไป บำบัดคืนลูกหลานสู่ครอบครัว เตรียมรับมือกับเอญนิลโญ วางแผนการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์ ต้องทำให้น้ำไม่แล้งไม่ท่วม โดยการทำฝาย หรือ ทำธนาคารน้ำใต้ดิน ดูแลสวัสดิการ สาธารณสุข ตพนำดิติทัลมาบริการ ทำให้ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าระดับโลก ทำฐานข้อมูลประชาชนทั่วประเทศ สร้างศูนย์ดูแลให้ตอบสนองสังคมสูงวัย สนับสนุนดูแลสิทธิพื้นฐานและความเท่าเทียมให้กับคนทุกกลุ่ม ทำแผนดูแลกลุ่มเปราะบาง หน่วยงานราชการ นำระบบ AI เข้ามาช่วยทำฐานข้อมูลประชาชน และเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ปรับปรุงแผนบริการ กำจัดข้าราชการที่ทำตัวเป็นนายประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนเองรับไม่ได้ และจะทำจีดีพีให้โตเฉลี่ยปีละ 5% ตลอด 4 ปี