จังหวัดสมุทรสงครามมีพื้นที่ทำการเกษตรทั้งหมด 137,625 ไร่ มีการปลูกพืชเศรษฐกิจหลายชนิด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไม้ผล เช่น มะพร้าว ส้มโอ ลิ้นจี่ และพืชอื่น ๆ ในลักษณะการปลูกบนร่องสวนแบบผสมผสานพืชเหล่านี้ให้ผลผลิตแตกต่างกันในแต่ละปี บางชนิดมีความเสี่ยงที่จะไม่ให้ผลผลิต เนื่องจากปัจจัยด้านสภาพอากาศทำให้เกษตรกรมีความเสี่ยงด้านรายได้ ประกอบกับยังมีพื้นที่ว่างเปล่าอยู่มากสามารถปลูกไม้ผลแซมในสวนหลังบ้านได้
นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม จึงต้องการเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ซึ่งปัจจุบันทุเรียนกำลังได้รับความนิยมในการบริโภคเป็นอย่างมาก ทั้งยังมีราคาสูง และจังหวัดสมุทรสงครามสามารถปลูกได้ ให้ผลผลิตที่มีคุณภาพดี เกษตรกรในจังหวัดสมุทรสงคราม ยังมีการปลูกไม่มากนัก ผลผลิตออกสู่ตลาดไม่พอจำหน่าย จึงได้มอบหมายให้สำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรสงคราม จัดทำโครงการส่งเสริมการปลูกทุเรียนแซมในสวนหลังบ้านให้กับเกษตรกรตำบลบางสะแก อำเภอบางคนที ขึ้น
โดยมีนายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นประธานมอบพันธุ์ทุเรียนหมอนทองให้กับเกษตรกร ณ ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ ตำบลบางสะแก อำเภอบางคนที รวมถึงนายกรกฎ วงษ์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ นายบรรจงศิลป์ วุฒิอุทัย เกษตรจังหวัด ปลัดอาวุโสรักษาราชการแทนนายอำเภอบางคนที ร่วมมอบพันธุ์ทุเรียน จำนวน 550 ต้น
ทั้งนี้ มีการให้ความรู้เกษตรกรก่อนนำไปปลูกลงดินทางด้านวิชาการ จากสำนักงานเกษตรจังหวัดฯ ด้านปฏิบัติจากเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จจากการปลูกทุเรียน จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดฯ และคณะได้ลงมือปลูกทุเรียนในสวนหลังบ้านด้วยตัวเอง
ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวว่า เกษตรกรกลุ่มตำบลบางสะแกเป็นกลุ่มนำร่องของจังหวัดที่หมู่บ้านจัดตั้งคณะกรรมการกำกับติดตามการปลูกทุเรียนในครั้งนี้ จำนวน 12 คน ในหมู่บ้านมี 7 ตำบลปลูกครอบคลุมทุกตำบล เมื่อปลูกทุเรียนแล้ว จะติดตามตั้งแต่การปลูก การให้ปุ๋ย การดูแลรักษา จนถึงขั้นตอนการเก็บเกี่ยวผลผลิต ได้ประมาณ 5 ปี
ถือเป็นตำบลนำร่องที่มีการทำในลักษณะแบบนี้ เมื่อผลผลิตออกสู่ตลาดได้ก็จะสร้างรายได้เพิ่มให้กับเกษตรกรแม้จะเป็นพืชแซมในสวนหลังบ้านก็ตาม อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในสวนแบบเกษตรผสมผสานด้วย