“สุรพจน์”มั่นใจราคาข้าวในยุค “เพื่อไทย”พุ่งแน่หลังจีนเปิดประเทศ อัด “ยุคประยุทธ์”ละเลยรากเหง้าของประเทศ อุ้มทุนเกษตรรายใหญ่ทุบราคาข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง

นายสุรพจน์ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่พบปะพี่น้อง ประชาชนได้รับการร้องเรียนว่า ปัญหาที่พี่น้องประชาชนที่ประสบคือปัญหาด้านรายได้ หลายครอบครัวรายได้ลดลงมากจนกระทบกับความเป็นอยู่ของคนทั้งประเทศ ทั้งนี้ภายหลังการบริหารเศรษฐกิจที่ผิดพลาดและการแก้ปัญหาประเทศที่ล้มเหลวของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่งผลกระทบความเป็นอยู่ของประชาชนโดยเฉพาะภาคการเกษตรเป็นอย่างมาก ทั้งนี้จากราคาสินค้าเกษตรทุกประเภทตกต่ำกระทบกับรายได้ครัวเรือนของเกษตรกรอย่างร้ายแรง

%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B9%8C
นายสุรพจน์ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย

นายสุรพจน์ กล่าวด้วยว่า ในขณะที่ประเทศกำลังฟื้นตัวแต่พลเอกประยุทธ์ กลับไม่มีมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมการเกษตรให้เติบโตไปพร้อมกัน แต่ให้ความสำคัญกับการเติบโตทางอุตสาหกรรมท่องเที่ยว หลงกับตัวเลขนักท่องเที่ยวแต่ละเลยที่จะหันกลับไปดูรากเหง้าของประเทศไทย คือ อุตสาหกรรมการเกษตร ปล่อยให้ผู้ประกอบการรายใหญ่กดขี่ราคารับซื้อสินค้าการเกษตร ตั้งแต่ข้าวไม่เกิน 6,500 บาทต่อตัน ยางพาราราคาไม่ถึง 20 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่มันลำปะหลังที่ราคาตกต่ำมากอยู่ที่ 2.50-2.70 บาทต่อกิโลกรัม

“มั่นใจว่า ด้วยนโยบายของพรรคเพื่อไทย และรายงานด้านเศรษฐกิจจากธนาคารกสิกรไทย ชี้ชัดว่าเน้นการฟื้นฟูรายได้เกษตรกรให้เติบโตขึ้น ทั้งนี้โอกาสสินค้าเกษตรเปิดกว้างมาก ภายหลังจากที่จีนเปิดประเทศ ส่งผลให้ความต้องการสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น มั่นใจว่าจะช่วยยกระดับราคาสินค้าเกษตรทั้งระบบได้อย่างแน่นอน โดยมีทั้งกลุ่มที่ราคาปรับขึ้นและปรับลดลงตามแนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์เกษตรโลก สินค้าเกษตรกลุ่มที่น่าจะมีราคาปรับขึ้นจากปีก่อน คือ ข้าวและมันสำปะหลัง โดยอุปสงค์จากที่จีนเปิดประเทศและ Food Security น่าจะดันราคาข้าวเฉลี่ยในปี 2566 ไปอยู่ที่ 10,000 บาทต่อตัน หรือเพิ่มขึ้น 7.5% และดันราคามันสำปะหลังเฉลี่ยไปอยู่ที่ 3 บาท ต่อกก.หรือเพิ่มขึ้น 17.6% มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยสามารถผลักดัน รายได้ให้เกษตรกรเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน” นายสุรพจน์ กล่าว