อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เยี่ยมชมแปลงเกษตรของ 3 สมาชิกสหกรณ์การเกษตรเมืองสุราษฎร์ธานี จำกัด เร่งเดินหน้าการส่งเสริมพัฒนาอาชีพเพื่อสร้างรายได้ให้สมาชิก ขยายผลสู่สหกรณ์ทั่วประเทศ พร้อมหนุนสหกรณ์ดูแลคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมด้วย นายนิรันต์ ศรีวิไล สหกรณ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมแปลงเกษตรของนายธำรง ใจงาม สมาชิกสหกรณ์การเกษตรเมืองสุราษฎร์ธานี จำกัด กลุ่ม 13 บ้านท่าเพชร ตำบลมะขามเตี้ย อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งประกอบอาชีพทำสวนปาล์มน้ำมันและปลูกผัก และได้กู้เงินสหกรณ์ฯ เพื่อประกอบอาชีพ ซึ่งทางครอบครัวสนใจในการปลูกผักสลัดเพื่อไว้บริโภคในครัวเรือน เพียง 1 กะบะ หลังจากนั้นขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้ง ผักสลัดเป็นที่ต้องการของตลาด ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น เพียงพอสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือน
พร้อมเยี่ยมชมแปลงเกษตรผสมผสานของนายนิวิทย์ สุวรรณรัตน์ สมาชิกสหกรณ์การเกษตรเมืองสุราษฎร์ธานี จำกัด โดยวัตถุประสงค์ในการเป็นสมาชิกครั้งแรกคือ ต้องการเงินทุนในการปลูกปาล์มน้ำมัน เมื่อปาล์มน้ำมันได้รับผลผลิต มีโอกาสได้ศึกษาดูงานกับสหกรณ์ฯ ตามโครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 หลายครั้ง เลยตัดสินใจล้มปาล์มน้ำมัน เนื้อที่ 7 ไร่ เพื่อขุดบ่อเลี้ยงปลาและปลูกผัก ครั้งแรกปลูกเสาวรส และเปลี่ยนจากเสาวรสมาเป็นพริกไทย ปลูกเสริมด้วยฝรั่งกิมจู และในคูน้ำร่องสวนเลี้ยงหอยขม ซึ่งรายได้จากสวนปาล์มน้ำมันนำมาส่งชำระหนี้สหกรณ์ ส่วนแปลง 7 ไร่ ทำไว้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือน
จากนั้น เดินทางไปเยี่ยมชมฟาร์มแพะของนายสมบูรณ์ ปานนก สมาชิกสหกรณ์การเกษตรเมืองสุราษฎร์ธานี จำกัด กลุ่ม 20 บ้านน้ำทรัพย์ ประกอบอาชีพทำสวนผัก และรับจ้างโรงงานยางพารา ต่อมาขอกู้เงินจากสหกรณ์ฯ เพื่อลงทุนในการเลี้ยงวัว โดยในครั้งแรกเริ่มเลี้ยง 2 ตัวไว้ข้างบ้าน ต่อมาวัวออกลูกเพิ่มขึ้น และได้ขายมูลวัวเพื่อเป็นปุ๋ยคอก เลยมองเห็นช่องทางรายได้ และได้ขอกู้เงินจากสหกรณ์เพื่อนำไปซื้อที่ดินขยายพื้นที่เลี้ยงวัว ขณะนี้มีวัว 20 ตัว มีแพะ มีแกะ ปัจจุบันพื้นที่ทั้ง 3 แห่งนี้ เป็นศูนย์การเรียนรู้ของสหกรณ์และของชุมชน รวมทั้งเป็นแหล่งให้ความรู้แก่บุคคลและหน่วยงานที่มีความสนใจ สามารถนำไปเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพต่อไป
“สำหรับการลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีในวันนี้ ได้มาตรวจเยี่ยมแปลงเกษตรของ 3 สมาชิกสหกรณ์การเกษตรเมืองสุราษฎร์ธานี จำกัด จะเห็นได้ว่าสหกรณ์แห่งนี้มีการส่งเสริมอาชีพที่หลากหลาย ส่งเสริมพัฒนาอาชีพเพื่อสร้างรายได้ให้สมาชิก ซึ่งทางภาคใต้มีความต้องการในเรื่องของผักค่อนข้างมาก เนื้อที่ของสมาชิกแค่ไม่กี่งานก็สามารถสร้างรายได้ อย่างน้อย 15,000 – 20,000 บาท ซึ่งถือเป็นรายได้ที่ดี สมาชิกของสหกรณ์มีการปรับเปลี่ยนจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยวมาทำการเกษตรผสมผสาน ทั้งปลูกพริกไทย ฝรั่งกิมจู เลี้ยงปลา เลี้ยงแพะ และเลี้ยงวัว อีกด้วย ทำให้มีรายได้รายวัน รายเดือน และรายปี นอกจากนี้ ในเรื่องของการทำให้สหกรณ์มีความเข้มแข็งนั้น สมาชิกของสหกรณ์ต้องใช้บริการของสหกรณ์ ซึ่งได้ตั้งเป้าไว้ว่า ในสหกรณ์ 1แห่ง ควรมีสมาชิกมาทำธุรกิจกับสหกรณ์ อย่างน้อยร้อยละ 60 ขึ้นไป ซึ่งจากการที่สมาชิกมาทำธุรกิจกับสหกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นการฝากเงิน การกู้เงินไปทำธุรกิจ กำไรส่วนหนึ่งเก็บสะสมไว้ และสหกรณ์นำมาบริหารงานในลักษณะที่อัตราส่วนทางการเงินที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต่างๆ ถ้ามีอัตราที่เหมาะสม มีการควบคุมภายในที่ดี เรื่องรับจ่ายเงินต่างๆ ก็จะทำให้สหกรณ์ไม่มีปัญหาเรื่องการทุจริต ไม่มีเรื่องข้อบกพร่อง สหกรณ์มีความเข้มแข็ง ซึ่งคือนโยบายของกรมฯ และถ้าหากสหกรณ์มีความต้องการเรื่องเงินทุน ทางกรมส่งเสริมสหกรณ์มีเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์อัตราดอกเบี้ยต่ำให้สหกรณ์กู้ยืมไปส่งเสริมอาชีพสมาชิก ในอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 1 นำไปต่อยอดในธุรกิจต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินของสมาชิก ส่งผลให้สมาชิกมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นต่อไป” นายวิศิษฐ์กล่าว
จากนั้น อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์และคณะ ลงพื้นที่เยี่ยมชมแปลงผลไม้ (เงาะ) ของนายธวัธชัย ง้าวลาย สมาชิกสหกรณ์การเกษตรบ้านนาสาร จำกัด ซึ่งสวนเงาะแห่งนี้มีพื้นที่ 24 ไร่ เริ่มปลูกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 เป็นเงาะใหญ่ ส่วนเงาะเล็กปลูกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 โดยสวนเงาะแห่งนี้ ปลูกมาระยะเวลาประมาณ 3 ปี ถึงจะได้ผลผลิต ซึ่งในระยะเวลา 3 ปี นั้น มีการรดน้ำ ใส่ปุ๋ย แต่งกิ่ง เพื่อให้ต้นแข็งแรง เหมาะต่อการออกผลผลิต ซึ่งสวนเงาะ 1 ไร่ จะปลูกได้ประมาณ 20 ต้น ผลผลิตต่อตันอยู่ที่ประมาณ 20 ตะกร้า ตะกร้าละประมาณ 20 กิโลกรัมราคาขึ้นอยู่กับกลไกตลาดในแต่ละปี พร้อมเดินทางไปตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานของสหกรณ์การเกษตรบ้านนาสาร จำกัด อำเภอบ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี และกล่าวชื่นชมสหกรณ์ที่ดำเนินงานและทำให้สมาชิกมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งจะเห็นว่าเรื่องผลไม้ สหกรณ์ยังคงเหนียวแน่นกับการมาขายผลผลิตกับตลาดกลางของสหกรณ์ ซึ่งสหกรณ์มีตลาดกลางที่รวบรวมผลผลิตจากสมาชิกสหกรณ์ และเกษตรทั่วไป ตรงนี้จะเป็นดุลยภาพราคาสินค้าเกษตรที่ออกมาในช่วงระยะเดียวกัน เพราะว่า พ่อค้าต่างๆ ก็ดูตลาดของสหกรณ์ ซึ่งตรงนี้เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร ทำให้เกษตรกรได้รับราคาที่เป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งผู้ซื้อและผู้ผลิต
โอกาสนี้ อธิบดีฯ ได้เป็นประธานในพิธีปล่อยคาราวานสินค้าผลไม้ของสหกรณ์ ณ ตลาดกลางสหกรณ์การเกษตรบ้านนาสาร จำกัด อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมมอบตะกร้าผลไม้ ให้แก่ สหกรณ์การเกษตรเมืองสุราษฎร์ธานี จำกัด สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. สุราษฎร์ธานี จำกัด และสหกรณ์การเกษตรบ้านนาสาร จำกัด ซึ่งกรมฯ สนับสนุน จำนวน 560,300 บาท สหกรณ์สมทบ จำนวน 240,300 บาท และเปิดเผยต่อว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนและกระตุ้นการเติบโตของสหกรณ์ในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะในภาคใต้ช่วงเดือน กรกฎาคม – กันยายน 2566 จะมีผลผลิตผลไม้ออกสู่ตลาดมาพร้อมกัน ส่งผลให้เกิดกระจุกตัวของผลผลิตในพื้นที่ และกดดันราคาผลผลิตของเกษตรกร ซึ่งจะต้องมีการนำระบบสหกรณ์มาส่งเสริม สนับสนุนให้สมาชิกสหกรณ์พัฒนาคุณภาพมีผลผลิตให้ตรงกับความต้องการของตลาด และช่วยขยายตลาดผ่านช่องทางต่าง ๆ รวมถึงสนับสนุนอุปกรณ์การตลาดเพื่อช่วยในการรักษาคุณภาพผลไม้และสะดวกในกระจายผลผลิตสู่ผู้บริโภค
แต่เรื่องที่สำคัญคือ เกษตรกรต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพของผลผลิต และการรับประกันคุณภาพสินค้าหลังการขาย เพื่อให้เกิดความยั่งยืนเพิ่มช่องทางการตลาดใหม่ ๆ ภาครัฐควรร่วมมือกับเครือข่ายสหกรณ์ และภาคเอกชนที่มีประสบการณ์และมีความรู้ความสามารถ จะสามารถทำให้ผลไม้ ที่เป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดสุราษฎร์ธานีนี้ สามารถขยายตลาดเพิ่มได้มากขึ้น ราคาสอดคล้องกับคุณภาพของผลผลิต เป็นโอกาสที่จะร่วมมือกันในการพัฒนาด้านคุณภาพการผลิต การตลาดได้ในอนาคต
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ใช้ระบบสหกรณ์ในการแก้ไขปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำ โดยได้ส่งเสริม สนับสนุนให้สมาชิกสหกรณ์พัฒนาคุณภาพผลผลิตให้ตรงกับความต้องการของตลาด โดยในแต่ละปีสหกรณ์ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรับซื้อผลผลิตจากสมาชิกสหกรณ์ รวมทั้งกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้สนับสนุนอุปกรณ์การตลาดตะกร้าผลไม้เพื่อช่วยในการรักษาคุณภาพผลไม้และสะดวกในกระจายผลผลิตสู่สหกรณ์เครือข่ายและผู้บริโภคทั่วไป จังหวัดสุราษฎร์ธานีมีสหกรณ์ที่ดำเนินธุรกิจรวบรวมผลไม้ สามารถเชื่อมโยงเครือข่ายด้านผลผลิตผลไม้ จำนวน 3 สหกรณ์ คือ สหกรณ์การเกษตรบ้านนาสาร จำกัด และเครือข่ายสหกรณ์ที่เป็นสหกรณ์หนึ่งที่ดำเนินธุรกิจรวบรวมผลไม้ คือ สหกรณ์การเกษตรบ้านนาสาร จำกัด สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. สุราษฎร์ธานี จำกัด และสหกรณ์การเกษตรเมืองสุราษฎร์ธานี จำกัด (ศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์) ซึ่งในแต่ละปี ที่ผ่านมาสหกรณ์ที่ดำเนินธุรกิจรวบรวมผลไม้ดังกล่าว สามารถรวบรวมและกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิตได้ในระดับหนึ่ง ปริมาณผลผลิตที่สหกรณ์รวบรวมประมาณ ปีละประมาณ 2,000 ตัน
สหกรณ์การเกษตรบ้านนาสาร จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2513 ปัจจุบันมีสมาชิก 833 คน มีทุนดำเนินงานกว่า 266 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจ 4 ด้าน คือ ธุรกิจสินเชื่อ ธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่าย ธุรกิจระดมทุน และธุรกิจรวบรวมผลผลิต เช่น ทุเรียน มังคุด ลองกอง และกล้วยหอมทอง ซึ่งสหกรณ์ได้ดำเนินธุรกิจรวบรวมผลไม้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 – ปัจจุบัน และได้รับการสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อใช้เงินทุนหมุนเวียนในการรวบรวมผลผลิต และการปรับปรุงพื้นที่ลานคอนกรีตในการรวบรวมผลผลิต รถกระบะห้องเย็นสำหรับขนส่งกระจายผลผลิต ตะกร้าผลไม้ และมีการเชื่อมโยงเครือข่ายกับสหกรณ์ทั้งในภาคใต้ ภาคตะวันออก ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการจำหน่ายสินค้าผลไม้ผ่านช่องทางออนไลน์ และส่งห้างโมเดิร์นเทรด ทั้งแมคโคร เทสโก้ โลตัส Top Supermarket รวมถึงส่งออกต่างประเทศ เช่น ประเทศสิงคโปร์ ประเทศมาเลเซีย
อีกทั้ง สหกรณ์มีกลยุทธ์ในการจัดการผลไม้ เน้นชูจุดเด่นของสินค้า ที่โดดเด่นเพื่อสร้างจุดขายมาตรฐานสินค้า GAP,GMP สร้าง Brand สินค้าสร้าง Story และพัฒนาบรรจุภัณฑ์ สร้างพันธมิตรทางธุรกิจ โดยวางแผนการผลิตและจำหน่ายร่วมกัน ซึ่งผลที่ได้รับจากการทำงานด้านรวบรวมผลผลิตนั้น สมาชิกมีความเชื่อมั่นในระบบสหกรณ์ และมีรายได้เพิ่มขึ้น ตลอดจนเป็นการสร้างความมั่นคงให้ธุรกิจของสหกรณ์ได้อีกด้วย