กระทรวงเกษตรฯ นำสินค้าที่มีศักยภาพในการส่งออก มาจัดแสดงและปรุงสดให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนได้เลือกชมและชิม หวังสร้างความมั่นใจ และขยายช่องทางการตลาด เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และสร้างประโยชน์ให้กับเกษตรกร
ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการจัดกิจกรรม “การส่งเสริมการซื้อขายสินค้าเกษตร ตลาดนำการผลิต” โดยมีนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายธนา ชีรวินิจ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นายสมเกียรติ กอไพศาล ประธานคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารทุกหน่วยงานในสังกัด และภาคเอกชนของทั้งสองประเทศเข้าร่วม ณ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งการจัดงานดังกล่าว เป็นการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรฯ ตามนโยบายตลาดนำการผลิต โดยมุ่งเน้นการขยายตลาดสินค้าเกษตรไปสู่ตลาดต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น
สำหรับกิจกรรมภายในงาน มีการจัดแสดงสินค้าที่มีศักยภาพที่สามารถส่งออกไปตลาดต่างประเทศได้โดยกรมประมงได้นำสินค้าจากภาคเอกชนของไทยมาจัดแสดงและเลือกชิม ได้แก่ ปลาสวยงาม (ปลากัด) กุ้งก้ามกรามเผา กุ้งก้ามกรามสด ปลากะพงขาวสดขนาดต่าง ๆ ทั้งปลายักษ์และปลาจาน เมนูจากผลิตภัณฑ์ปลานิลแล่แช่แข็ง กุ้งขาวต้ม สินค้าจากเนื้อจระเข้ ทั้งจระเข้ย่างจิ้มแจ่ว จระเข้ปิ้งย่าง และซุปจระเข้ตุ๋นยาจีน อีกทั้งยังมีตัวอย่างเนื้อแช่แข็ง เนื้ออบแห้ง+สมุนไพรจีน เลือดจระเข้แคปซูล และกระดูกจระเข้สกัดแคปซูล มาโชว์ภายในงานด้วย
ในส่วนของกรมปศุสัตว์ ได้นำสินค้าที่มีศักยภาพมาจัดแสดง ได้แก่ รังนก (ขาว) น้ำผึ้ง ชิ้นส่วนเป็ดและเครื่องในเป็ด เนื้อโคขุนคุณภาพสูง สินค้าไก่ รวมถึงนมอัดเม็ดรสทุเรียน และทุเรียนอัดเม็ด ของสหกรณ์โคนมห้วยสัตว์ใหญ่
นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรได้นำผลไม้ที่มีศักยภาพที่ต้องการขยายตลาด ได้แก่ ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง กระท้อนพันธุ์ปุยฝ้าย มังคุด มะพร้าวน้ำหอม เงาะพันธุ์โรงเรียน ส้มโอพันธุ์ขาวน้ำผึ้ง ลำไยพันธุ์อีดอกล้วยหอมทอง ชมพู่พันธุ์ทับทิมจันทร์ ฝรั่งพันธุ์กิมจู อินทผลัม สละพันธุ์เนินวง พันธุ์สุมาลี และเสาวรสพันธุ์ไทนุง
“กระทรวงเกษตรฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) รวมถึงมีการซื้อขายสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น จะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงที่สินค้าเกษตรล้นตลาด ราคาตกต่ำ และยังเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับทั้งสองประเทศ ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดจะเป็นการสร้างประโยชน์ให้กับเกษตรกรให้มีตลาดที่แน่นอน ผลิตสินค้าตรงตามความต้องการของตลาด สร้างเงิน เพิ่มรายได้ และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นต่อไปในอนาคต”