กรมส่งเสริมสหกรณ์ ยื่นฟ้องสหกรณ์การเกษตรท่าอุเทน จังหวัดนครพนม เรียกเงินค่าโรงสี กว่า 9 ล้านบาท หลังได้รับมอบเมื่อปี 2544 ตามโครงการเงินกู้ของรัฐบาลเพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตร หรือ ASPL จากโครงการเงินกู้มายาซาวา ด้านทนายของสหกรณ์การเกษตรท่าอุเทน ระบุว่า คณะกรรมการบริหารสหกรณ์มีมติว่าจะต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด อ้างเป็นโครงการที่กรมฯยัดเยียดให้สหกรณ์หลายแห่งทั่วประเทศ ทั้งที่สหกรณ์หลายแห่งไม่อยากได้ และไม่สามารถบริหารให้เกิดรายได้
นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้เป็นโจทก์มอบอำนาจให้ผู้แทน ยื่นฟ้องสหกรณ์การเกษตรท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ฐานผิดสัญญา และเรียกเงิน 9,268,044 บาท หลังจากที่สหกรณ์การเกษตรท่าอุเทน ไม่สามารถหาเงินมาคืนค่าโรงสีข้าวขนาด 40 ตันที่ได้รับมอบจากกรมส่งเสริมสหกรณ์เมื่อปี 2544 โดยเป็นการรับการช่วยเหลือตามโครงการเงินกู้ของรัฐบาลเพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตร ตามแผนงานพัฒนาสินค้าและการจัดการผลผลิตของสถาบันเกษตรกรหรือ ASPL จากโครงการเงินกู้มายาซาวา
โดยได้รับเป็นโรงสีข้าวขนาด 40 ตัน มูลค่า 8,775,900 บาท โดยมีเงื่อนไขว่าสหกรณ์การเกษตรท่าอุเทน จะต้องบริจาคเงินสมทบเข้ากองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.) เพื่อนำไปเป็นเงินสนับสนุนอุปกรณ์การตลาด ให้กับสหกรณ์อื่น ๆ แต่หลังจากได้รับมอบโรงสีข้าวแล้ว สหกรณ์การเกษตรท่าอุเทนไม่สามารถหาเงินบริจาคเข้ากองทุนพัฒนาสหกรณ์ได้ จนถูกกรมส่งเสริมสหกรณ์ฟ้องต่อศาลนครพนมเพื่อเรียกเงินคืน
นายเรืองสุข จิตมาตย์ ทนายความของจำเลยคือสหกรณ์การเกษตรท่าอุเทน เปิดเผยว่า คดีนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ยื่นฟ้องเป็นคดีแพ่งต่อศาลจังหวัดนครพนม เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2565 โดยศาลนัดเจรจาไกล่เกลี่ยอีกครั้งในวันที่ 3 กรกฎาคม นี้ โดยหลังจากที่ได้ปรึกษาหารือกันกับคณะกรรมการบริหารสหกรณ์แล้ว มีมติว่าจะต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด โดยจะไม่มีการยอมชำระเงินคืนอย่างเด็ดขาด เนื่องจากตรวจสอบพบว่า ยังมีอีกหลายสหกรณ์ที่ได้รับมอบอุปกรณ์การตลาดเป็นโรงสีและไม่สามารถดำเนินการให้เกิดรายได้เพื่อนำเงินกำไรมาส่งเข้ากองทุนพัฒนาสหกรณ์ได้ จนถูกทิ้งร้างมาตั้งแต่รับมอบจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ ไม่ได้ใช้งานเลยและหลายแห่งพยายามจะขอส่งคืนโรงสีข้าวให้แก่กรมส่งเสริมสหกรณ์ แต่ไม่เป็นผล จนส่งผลให้สหกรณ์แต่ละแห่งต้องเป็นหนี้เป็นสิน ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครอยากได้โรงสี
ข้อมูลจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ระบุว่า ในปี 2544 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับงบประมาณ 1,538 ล้านบาท ดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตร หรือ ASPL สนับสนุนอุปกรณ์การตลาดรวม 360 รายการให้สหกรณ์การเกษตร 191 แห่งทั่วประเทศ เพื่อพัฒนาผลผลิตและเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร สหกรณ์ฯ ที่รับการสนับสนุนอุปกรณ์ ต้องยอมรับเงื่อนไขว่าจะจ่ายเงินเข้ากองทุนพัฒนาสหกรณ์ หรือ กพส.พร้อมค่าธรรมเนียมร้อยละ 1 ต่อปี ภายในระยะเวลา 20 ปี รวมเป็นเงินที่ต้องจ่ายคืนทั้งสิ้น 9,381,008 บาท
ในปี 2564 มีสหกรณ์ที่สามารถชำระเงินเข้ากองทุนจนครบแล้วทั้งหมด 127 แห่ง สามารถชำระได้ปกติ 16 แห่ง มีเงินคืนเข้ากองทุนแล้ว 1,111 ล้านบาท มีสหกรณ์อีก 48 แห่งที่ไม่ชำระเงินตามข้อตกลง ในจำนวนนี้มี 23 แห่งที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดี