ข้าวญี่ปุ่นสามารถปลูกในประเทศไทย มานานหลายปีแล้ว สามารถจำหน่ายผลผลิตให้กับร้านอาหารญี่ปุ่น ขณะเดียวกันร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือว่าโอกาสทองของเกษตรกรที่สามารถปลูกข้าวญี่ปุ่นได้
หากย้อนไปช่วง 2-3 ปีก่อน ในวงการข่าวเกษตรออนไลน์ ปรากฎชื่อ ข้าวญี่ปุ่น “โคชิฮิคาริ” ที่ได้รับความนิยมนำไปปลูก สามารถขายเมล็ดพันธุ์ ช่วงนั้นราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 3-4 พันบาท ด้วยราคาขายที่สูง ทำให้มีผู้ซื้อไปทดลองปลูกขยายพันธุ์
นายพร้อมพงศ์ พิมเภา เกษตรกรรุ่นใหม่ หรือ Young Smart Farmer บ้านเเสนสุข ต.คุ้มเก่า อ.เขาวงจ.กาฬสินธุ์ ปีที่แล้ว ตัดสินใจสั่งซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวข้าวญี่ปุ่น “โคชิฮิคาริ” ในราคากิโลกรัมละ 4 พันบาทเพื่อมาทดลองปลูกในพื้นที่ “ข้าวเหนียวเขาวง” จ.กาฬสินธุ์ ผลผลิตปีแรก ได้ไม่มากนักเพราะเจอปัญหานก มากินเมล็ดข้าว เพราะปลูกข้าวญี่ปุ่นพร้อมกับข้าวเหนียวนาปี และข้าวญี่ปุ่นออกรวงก่อน
ปีนี้เขาจึงปลูกในช่วงฤดูกาลทำนาปรัง ได้ผลผลิตดี และมีเพื่อนในกลุ่ม Young Smart Farmer สั่งจองเพื่อเตรียมนำไปปลูกขยายพันธุ์ เขามองว่า ทั้งเมล็ดพันธุ์ และข้าวสารยังเป็นที่ต้องการของตลาด
ด้านนางสาวนิชาภัทร แสนสุมา นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ สำนักงานเกษตรอำเภอเขาวงจ.กาฬสินธุ์มาติดตามดูแล ให้คำแนะนำ เพราะการปลูกข้าวสายพันธุ์ต่างถิ่น ต้องระมัดระวังเรื่องโรคพืชศัตตรูพืช จึงต้องทำเป็นแปลงทดลอง และปลูกต่อเนื่อง 3 ปี ก่อนนำข้อมูลมาวิเคราะห์ว่ามีความเหมาะสมสามารถปลูกในพื้นที่ได้
หลังจากนี้เกษตรกรที่ปลูกข้าวญี่ปุ่น “โคชิฮิคาริ” จะนำข้าวไปสีที่โรงสีของ สำนักงานเกษตรอำเภอเขาวงก่อนจะมีการแบ่งปันข้าวสารให้สมาชิกกลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่หรือ Young Smart Farmer เพื่อทดสอบรสชาติ และอาจส่งให้ร้านอาหารญี่ปุ่นได้ทดลองนำไปประกอบอาหาร หากรสชาติดีได้รับการยอมรับ ก็ถือเป็นโอกาสของเกษตรกรที่จะได้ผลิตข้าวญี่ปุ่นซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด