เฟซบุ๊กของนายสนั่น อังอุบลกุล (Sanan Angubolkul ) ประธานหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โพสต์ข้อความว่า
ท่านดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นำผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ, สนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและคณะผู้แทนภาคธุรกิจ เดินทางเยือน”ราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย” อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 15 – 19 พฤษภาคม 2565
โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐจำนวน 78 คน จาก 28 หน่วยงาน และภาคธุรกิจ จำนวน 57 คน จาก 39 บริษัท ร่วมเดินทางเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ การค้า การลงทุนระหว่าง “ไทยกับซาอุดิอาระเบีย“
การเดินทางเยือนครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือทวิภาคีภายหลังการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย ติดตามประเด็นที่สองประเทศแสดงเจตนารมณ์ผลักดันร่วมกันภายหลังการเยือนของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ เพื่อส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐของทั้งสองฝ่าย ในประเด็นทวิภาคีและพหุภาคี รวมทั้ง การส่งเสริมการสร้างงานและการดูแลคนไทยในซาอุดีอาระเบีย การส่งเสริมการเจรจาการค้าและการลงทุนระหว่างภาคเอกชนของไทยและซาอุดีอาระเบีย
การขยายการส่งออกสินค้าไทยไปยังซาอุดีอาระเบีย และการนำภาครัฐและภาคเอกชนไทยศึกษาดูงานโครงการพัฒนาทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของซาอุดีอาระเบีย และศึกษาสภาพสังคมและเศรษฐกิจ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบียต่อไป
ในการเยือนครั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีกำหนดการเข้าพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
นอกจากนี้จะมีการหารือหาข้อสรุปการเจรจาเอกสารแผนการขับเคลื่อนและส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย-ซาอุดีอาระเบีย (Roadmap to Strengthen Bilateral Relations between the Kingdom of Thailand and the Kingdom of Saudi Arabia) และบันทึกความเข้าใจการจัดตั้งสภาความร่วมมือซาอุดี-ไทย (Memorandum of Understanding between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Kingdom of Saudi Arabia on the Establishment of the Saudi-ThaiCoordination Council) ซึ่งจะมีการลงนามในโอกาสต่อไป
นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจการจัดตั้งสภาความร่วมมือไทย – ซาอุดีอาระเบีย และระหว่างสภาหอการค้าไทย – ซาอุดีอาระเบียซึ่งจะปูทางการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจเอกชนของทั้งสองฝ่าย อีกทั้ง รนรม./รมว. กต. จะกล่าวถ้อยแถลงในงาน Saudi-Thai Investment Forum 2022 ซึ่งเป็นงานที่ภาครัฐและภาคเอกชนของไทยและซาอุดีอาระเบียจะได้แลกเปลี่ยนนโยบายและข้อมูลเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างกันอีกด้วย โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 300 คน
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเข้าร่วมพิธีเปิดงาน”ส่งเสริมการค้าและผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลของไทยในซาอุดีอาระเบีย” ซึ่งเป็นโครงการของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาดที่จะส่งเสริมผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลของไทยให้เป็นที่รู้จักและนิยมในซาอุดีอาระเบีย
เยี่ยมชมโครงการพัฒนาเมืองอัลลูลา (Al-Ula) ตาม Vision 2030 ของซาอุดีอาระเบียเพื่อศึกษาศักยภาพและการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของซาอุดีอาระเบีย ศึกษาดูงานที่ King Abdullah Economic City ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาเมืองใหม่ริมชายฝั่งทะเลแดง เพื่อเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์และอุตสาหกรรมทางภาคตะวันตกของประเทศ รวมทั้ง King Abdullah University of Science and Technology (KAUST) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของซาอุดีอาระเบีย มีความโดดเด่นด้านการวิจัยและพัฒนา
ทั้งนี้ นับตั้งแต่การฟื้นฟูความสัมพันธ์ ทั้งสองฝ่ายได้เร่งรัดความร่วมมือทวิภาคีในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นและสาขาความร่วมมือที่ให้ความสำคัญและต้องการผลักดันในลำดับต้น อาทิ ความมั่นคง การค้า การลงทุน แรงงาน ด้านสาธารณสุข การศึกษาการเกษตร และการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีข่าวว่า นายดอน รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ ได้เสนอ”ขอซื้อปุ๋ยจากซาอุดิอาระเบีย” ซึ่งขณะนี้ไทยประสบปัญหาขาดแคลนเนื่องจากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งทางซาอุฯ จะให้ผู้ผลิตและจำหน่ายปุ๋ยของซาอุฯ มาพบกับภาคเอกชนของไทย ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องปุ๋ยให้กับเกษตรกรไทยได้อีกด้วย
และจากการเปิดเผยของ นายดามพ์ บุญธรรม อธิบดีกรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา ระบุว่า ในการที่นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะผู้แทนทั้งภาครัฐและภาคเอกชนไทย เยือนซาอุดิอาระเบียในครั้งนี้ จะมีการ “ขออนุญาตการส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกจากไทยไปยังซาอุฯ“ด้วย
(ข้อมูลประกอบ เว็ปไซด์กระทรวงการต่างประเทศ, มติชนออนไลน์)