นาย อลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บรรยายในหัวข้อเรื่อง“เกษตรอินทรีย์วิถีในเมือง สู่ BCG Model” ในงานสัมมนาออนไลน์ส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืนวิถีในเมืองผ่านระบบ Zoom Cloud Meeting จัดโดย สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาตระหนักถึงนโยบายและความสำคัญของเกษตรกรรมยั่งยืน โดยเฉพาะพื้นที่ในเมืองที่สร้างความมั่นคงทางอาหารของคนเมือง รวมถึงสนับสนุนการสร้างพื้นที่เกษตรกรรมในเมืองให้เป็นแหล่งผลิตอาหาร ส่งเสริมคุณภาพชีวิต และเศรษฐกิจชุมชนมีรายได้ด้วยเศรษฐกิจสีเขียว
นายอลงกรณ์ ได้กล่าวถึง 17 เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals :SDGs) เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางในการกำหนดแผนแม่บทเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมสู่ความยั่งยืน ซึ่งประเทศไทยเป็นครัวของโลก มีศักยภาพและเป้าหมายในการเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกเกษตรปลอดภัย และอาหารปลอดภัยท็อปเท็นของโลก โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กำหนดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ คือ ยุทธศาสตร์ 3’s (Safety-Security-Sustainability) เกษตรปลอดภัย เกษตรมั่นคง และเกษตรยั่งยืน โดยยกตัวอย่างการเพิ่มพื้นที่สีเขียวและการทำเกษตรกรรมยั่งยืนในประเทศ ๆ เช่น จีน สวีเดน สิงคโปร์ อัลบาเนีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ที่สามารถนำมาเป็นแนวทางในการปรับพื้นที่สีเขียวในเมืองให้เข้ากับพื้นที่ในประเทศไทย
ปัจจุบัน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้วางหมุดหมายการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนทั้ง 5 สาขา คือเกษตรอินทรีย์ วนเกษตร เกษตรธรรมชาติ เกษตรทฤษฎีใหม่ และเกษตรผสมผสาน ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและทำการเกษตร เป็นการพัฒนาแบบคู่ขนานทั้งในเมืองและชนบท
สำหรับในพื้นที่เมือง มีโครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองเน้นการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ อาหารปลอดภัย โดยมีคณะทำงานด้านต่าง ๆ เช่น คณะทำงานพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนพื้นที่มหาวิทยาลัย(Green Campus) คณะทำงานพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนพื้นที่โรงเรียนและวิทยาลัย (Green School and College) พื้นที่วัด (Green Temple) คณะทำงานพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนพื้นที่ชุมชนและท้องถิ่น (Green Community) เน้นการทำงานบนความร่วมมือของทุกภาคส่วนในลักษณะการเป็น partnership ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ ภาคเกษตรกรและภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามแนวทาง BCG Model
ส่วนในชนบทมีโครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบล (Tumbom Sustainable Agriculture Development Project :TAP) ภายใต้แนวคิด “บริหารโดยชุมชน เป็นของชุมชน เพื่อชุมชน” พร้อมกัน77จังหวัด โดยคิกออฟที่จังหวัดเพชรบุรีเป็นจังหวัดแรก มีโครงสร้างการดำเนินงานผ่านคณะกรรมการฯคณะอนุกรรมการฯ และคณะทำงานฯ ในระดับส่วนกลาง ระดับส่วนภูมิภาค ระดับจังหวัด ระดับอำเภอและระดับตำบล 7,255 ตำบล ครอบคลุมทุกจังหวัด เพื่อมุ่งสู่การเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มรายได้เกษตรกรและชุมชน ยกระดับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไทยโดยใช้ 12 คานงัด เป็นเครื่องมือในการสร้างจุดเปลี่ยน และผลักดันภาคการเกษตรของไทยสู่การเป็นประเทศผู้ผลิต ส่งออก เกษตรปลอดภัย และอาหารปลอดภัยของโลกต่อไป