‘อนุทิน’ เสนอพักหนี้ 3 ปีหยุดต้น ปลอดดอกเบี้ย คนละไม่เกิน 1 ล้านบาท ช่วยเหลือประชาชน บรรเทาความเดือดร้อนจากเหตุน้ำท่วมไร่นา ผลผลิตเสียหาย โดยจัดทำเป็นมาตรการเร่งด่วน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยภายหลังการเดินทางไปสำรวจพื้นที่ประสบอุทกภัยจังหวัดอ่างทอง และ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งถูกน้ำท่วมขังเกือบเต็มพื้นที่ ทั้งพื้นที่เกษตรกรรม และพื้นที่อยู่อาศัยบ้านเรือนของประชาชน ว่า ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะรายงานให้นายกรัฐมนตรี ทราบ ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน อย่างมาก เพื่อเร่งหาแนวทางแก้ไข และช่วยเหลือประชาชน เร่งด่วน โดยเฉพาะปัญหาหนี้สินของประชาชน เกษตรกรที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม
ผลผลิตทางด้านเกษตรกรรม โดยเฉพาะนาข้าว เสียหายเกือบ 100 % ซึ่งจะเป็นการซ้ำเติมปัญหาหนี้สินให้แก่เกษตรกร และ ผู้ประกอบการธุรกิจทั่วไปในจังหวัดที่ประสบอุทกภัย ให้มากขึ้นไปอีก จากที่มีปัญหาหนี้สินจากผลกระทบของโควิด ในช่วง 3ปีที่ผ่านมา
“หนี้สินที่เกิดจากโควิด ยังไม่ทันได้ฟื้นตัว ก็ต้องมาเจอกระทบของน้ำท่วมอีก ซึ่งผมได้พูดคุยกับพี่น้องประชาชน ทราบว่า นอกจากเหตุจากภัยธรรมชาติ ฝนตกหนักต่อเนื่อง ปริมาณน้ำฝนมีมากกว่าทุกปีแล้วยังมีเหตุมาจากการบริหารจัดการน้ำผิดพลาด บางพื้นที่ มีปัญหาคันกันน้ำแตก เจ้าหน้าที่แก้ไขไม่ทันสถานการณ์ บางพื้นที่ถูกกำหนดให้เป็นพื้ที่รับน้ำ มีหลายเหตุประกอบกัน ทำให้พื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนาเสียหาย โดยไม่ได้รับการเยียวยา ชดเชย รัฐบาลต้องเร่งช่วยเหลือประชาชนโดยเร็ว และประกาศให้ประชาชนทราบ เพื่อเป็นกำลังให้ให้แก่ประชาชน ด้วยว่ารัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้งให้เขาแก้ปัญหากันเอง”
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าจะเสนอนายกรัฐมนตรี พิจารณาช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และเกษตรกรที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ซึ่งมีหลายจังหวัด ทั่วทุกภาคของประเทศ โดยการพักหนี้ 3 ปี และต้องเป็นการพักหนี้ แบบหยุดต้น ปลอดดอกเบี้ย คนละไม่เกิน 1 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนโดยด่วน
“รัฐบาล ต้องเยียวยา ฟื้นฟู ความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเร็ว สิ่งแรกที่ต้องทำคือ หยุดหนี้สินของประชาชนไว้ก่อน เพื่อช่วยลดภาระรายจ่ายของประชาชน ก่อนหน้านี้ประชาชนต้องประสบปัญหาโควิดมา3 ปี พอจะดีขึ้น ก็มาเจอปัญหาอุทกภัย จึงควรให้ประชาชนได้มีโอกาสหายใจบ้าง ก่อนที่จะจมไปกับน้ำหลังจากน้ำลดลง เงินทุกบาทของประชาชน ควรจะนำไปใช้ในการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย หรือ ประกอบอาชีพ เพื่อหารายได้ เลี้ยงดูครอบครัว ส่วนภาระหนี้สิน ควรจะต้องหยุดไว้ก่อน”