วันที่ 30 กันยายน 2565 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยมุ่งส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งรัฐบาล โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้เข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนและประเทศคู่เจรจาบวกสาม (จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) ครั้งที่ 25 ณ จังหวัดเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ที่ประชุมฯ ได้รับรองแผนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจอาเซียนบวกสาม ปี 2566-2567 ซึ่งเป็นแผนกิจกรรมที่ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจยุคหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 เช่น การส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีอาเซียนกับคู่เจรจา การส่งเสริมขีดความสามารถทางการแข่งขันของวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) การอำนวยความสะดวกทางการค้า และการเพิ่มขีดความสามารถของอาเซียนบวกสามในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล รวมทั้งยังได้เพิ่มความร่วมมือด้านใหม่ ๆ อย่างพลังงานทดแทนและเศรษฐกิจสีเขียว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมฯ ยังได้รับทราบข้อเสนอแนะของสภาธุรกิจเอเชียตะวันออก (East Asia Business Council: EABC) ซึ่งนำเสนอกิจกรรมสำคัญในปีนี้ โดยเฉพาะการจัดทำ E-book การจัดสัมมนาออนไลน์เกี่ยวกับความตกลง RCEP เพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้าใจ และใช้ประโยชน์จากความตกลง RCEP มากขึ้น พร้อมรายงานผลสำรวจภาคเอกชนซึ่งมีบริษัทมากกว่าร้อยละ 50 ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะแนวทางลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และใช้พลังงานหมุนเวียน ซึ่งสอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของรัฐบาล
นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพของไทยไปยังตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพ ซึ่งเมื่อวันที่ 26-28 กันยายน 2565 กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้หารือความร่วมมือไปยังตลาดสิงคโปร์เพื่อพัฒนาศักยภาพ SMEs สู่การค้ายุคใหม่ รวมทั้งส่งเสริมการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ FTA ต่าง ๆ ในตลาดสิงคโปร์ อาทิ ผลิตภัณฑ์นม ข้าว และผลไม้ พร้อมจะหารือกับซุปเปอร์มาร์เก็ตของสิงคโปร์ ซึ่งนำเข้าสินค้าไทยมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งติดตามสถานการณ์การขนส่งสินค้าเกษตรจากไทยผ่านชายแดนมาเลเซียไปยังสิงคโปร์ภายหลังสถานการณ์โรคโควิด-19
รัฐบาลยังคงเสริมสร้างความร่วมมือทางการค้ากับมิตรประเทศและคู่เจรจาระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้เกิดการฟื้นฟูของเศรษฐกิจ รวมทั้งหาช่องทางส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปยังต่างประเทศมากขึ้น โดยการค้าระหว่างไทยกับประเทศบวกสามในช่วง 7 เดือนของปี 2565 มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.63 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
และในปี 2564 มีมูลค่าการค้ารวมคิดเป็นร้อยละ 33.45 ของมูลค่าการค้าไทยทั้งหมด สำหรับประเทศสิงคโปร์ซึ่งเป็นคู่ค้าอันดับที่ 4 ของไทยในอาเซียน ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2565 การค้าระหว่างกันเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.35 มีสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ (ทองคำยังไม่ได้ขึ้นรูป) น้ำมันสำเร็จรูป แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และสินค้าอุตสาหกรรมอื่น ๆ ” นายอนุชาฯ กล่าว