เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2565 ด่านท่าเรือกวนเหล่ยในเขตฯ สิบสองปันนาของมณฑลยูนนาน ได้รับอนุญาตให้กลับมาดำเนินการขนส่งสินค้าอีกครั้ง ภายหลังศูนย์บัญชาการควบคุมและป้องกันโรคโควิด-19 มณฑลยูนนานออกประกาศฉบับที่15 กำหนดให้ระงับการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าผ่านด่านท่าเรือกวนเหล่ยเป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2563
นับเป็นข่าวดีต่อผู้ประกอบการไทยที่รอคอยข่าวดีนี้มากว่า 2 ปี 5 เดือน หรือประมาณ 900 วัน รวมทั้งเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อการฟื้นฟูธุรกิจการขนส่งทางเรือบนแม่น้ำโขง-แม่น้ำล้านช้าง ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบความเชื่อมโยงระหว่างประเทศไทยกับมณฑลยูนนานและจีนตอนใต้ที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของทั้งสองฝ่าย
ที่ผ่านมา การผลักดันให้ฝ่ายจีนกลับมาเปิดทำการด่านท่าเรือกวนเหล่ยอีกครั้ง นับเป็นวาระสำคัญที่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนไทยต่างร่วมกันผลักดันกับฝ่ายจีนในทุกช่องทาง โดยในส่วนของสถานกงสุลใหญ่ ณ นครคุนหมิง ซึ่งเป็นหน่วยราชการไทยที่รับผิดชอบดูแลผลประโยชน์ของไทยทุกมิติในมณฑลยูนนาน ก็มุ่งผลักดันประเด็นดังกล่าวกับหน่วยงานในพื้นที่ทุกระดับ ตั้งแต่ศูนย์บัญชาการควบคุมและป้องกันโรคโควิด-19 มณฑลยูนนาน สำนักงานการต่างประเทศเขตฯ สิบสองปันนา ไปจนถึงหน่วยงานระดับท้องถิ่นในอำเภอเหมิ่งล่าซึ่งเป็นที่ตั้งของด่านท่าเรือกวนเหล่ย
โดยการดำเนินการข้างต้นได้ส่งผลให้ทุกองคาพยพที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการและควบคุมด่านท่าเรือกวนเหล่ยในมณฑลยูนนานตระหนักถึงความสำคัญและความเร่งด่วนของการกลับมาอนุญาตให้ด่านท่าเรือกวนเหล่ยกลับมาขนส่งสินค้าได้ในโอกาสแรก
ลำดับเหตุการณ์สำคัญของการเปิดด่านท่าเรือกวนเหล่ยให้กลับมาขนส่งสินค้าครั้งนี้ เริ่มขึ้นในวันที่ 7 กันยายน 2565 เมื่อสำนักงานด่านชายแดนของรัฐบาลมณฑลยูนนานมีหนังสือสั่งการให้รัฐบาลเขตฯ สิบสองปันนาเปิดด่านท่าเรือกวนเหล่ยเพื่อฟื้นฟูการขนส่งสินค้าตามหลักการ “ไม่ข้ามเส้นแดง 3 ประการ” ได้แก่ ไม่นำเข้าโรคระบาด ไม่แพร่กระจายโรคระบาด และไม่ทำให้กลับมาเกิดการระบาดของโรคอีก
โดยด่านท่าเรือกวนเหล่ยได้เตรียมความพร้อมฟื้นฟูการขนส่งสินค้าจนแล้วเสร็จในวันที่ 16 กันยายน 2565 ก่อนที่ในช่วงเช้าวันต่อมา เรือ “จื่อจิง 8” ซึ่งบรรทุกมันฝรั่งน้ำหนักรวม 226 ตัน จะเคลื่อนตัวออกจากท่าเรือกวนเหล่ยมุ่งหน้าไปยังประเทศไทย นับเป็นการเดินเรือขาออกเที่ยวปฐมฤกษ์ของด่านท่าเรือกวนเหล่ยในรอบเกือบ 3 ปี ทั้งนี้คาดว่า ในการเดินเรือเที่ยวกลับจากท่าเรือเชียงแสนมายังท่าเรือกวนเหล่ย เรือสินค้าลำเดียวกันนี้จะบรรทุกสินค้าไทยหลากหลายประเภทมาป้อนสู่ตลาดมณฑลยูนนานต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในระยะแรกปริมาณการสัญจรของเรือขนส่งสินค้าขาเข้ามายังท่าเรือกวนเหล่ยอาจจะยังมีจำนวนไม่มาก เนื่องจากผู้ส่งออกสินค้าผ่านแม่น้ำโขงในประเทศเพื่อนบ้านของมณฑลยูนนานทั้งใน สปป. ลาว เมียนมา รวมถึงไทย ยังคงต้องใช้เวลาประสานงานติดต่อเจรจาธุรกิจ ตลอดจนศึกษาและวางแผนการขนส่งทางเรือให้สอดคล้องกับระเบียบและมาตรฐานด้านการควบคุมและป้องกันโรคโควิด-19 สำหรับสินค้านำเข้า เรือบรรทุกสินค้า รวมถึงพนักงานประจำเรือสินค้าของด่านท่าเรือกวนเหล่ยโดยในชั้นนี้หน่วยงานฝ่ายจีนที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้ประกาศรายละเอียดของมาตรการดังกล่าว
แต่ในเบื้องต้น คาดการณ์ว่าอาจมีการกำหนดให้เรือสินค้าขาเข้าด่านท่าเรือกวนเหล่ยจะต้องดำเนินมาตรการควบคุมและป้องกันโรคระบาดในทุกส่วนที่เกี่ยวข้องก่อนเทียบท่า
นอกจากนี้ ยังอาจกำหนดให้การขนส่งสินค้าผ่านด่านท่าเรือกวนเหล่ยบริหารการดำเนินงานในระบบปิด เช่น กำหนดให้พนักงานประจำเรือเข้ารับการตรวจกรดนิวคลีอิกอย่างสม่ำเสมอพร้อมจำกัดบริเวณและการเดินทาง
ในระยะต่อจากนี้ เมื่อมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าผ่านด่านท่าเรือกวนเหล่ยมีความชัดเจนมากขึ้นจนผู้ส่งออกในประเทศลุ่มน้ำโขงมีความมั่นใจ ก็คาดว่า การเดินเรือขนส่งสินค้าบนแม่น้ำโขง-แม่น้ำล้านช้างจะทยอยกลับมาคึกคักอีกครั้ง
โดยสำหรับในประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดเชียงรายซึ่งเป็นหน้าด่านความเชื่อมโยงทางน้ำกับด่านท่าเรือกวนเหล่ยผ่านท่าเรือเชียงแสน ก็มีผู้ประกอบการหลายรายทราบข่าวและเตรียมที่จะกลับมาเดินเรือขนส่งสินค้าไปจีนแล้ว ขณะเดียวกัน หลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้องของจังหวัดเชียงรายก็เร่งประชาสัมพันธ์และเตรียมความพร้อมในการรองรับการขนส่งสินค้าทั้งขาเข้าและขาออกผ่านแม่น้ำแห่งโอกาสสายนี้อย่างกระตือรือล้น
ที่ผ่านมา สินค้าสำคัญที่ไทยนำเข้าจากท่าเรือกวนเหล่ยผ่านท่าเรือเชียงแสน ได้แก่ สินค้าเกษตรและสินค้าเบ็ดเตล็ด ขณะที่สินค้าไทยที่ส่งออกจากช่องทางนี้กลับไปยังท่าเรือกวนเหล่ย ได้แก่ ยางพารา อาหารแปรรูป สินค้าเบ็ดเตล็ด และชิ้นส่วนไก่แช่แข็ง
โดยด่านท่าเรือกวนเหล่ยนับเป็น “ด่านจำเพาะสำหรับนำเข้าเนื้อสัตว์” (state designated port for imported meat) ที่สำนักงานศุลกากรแห่งชาติจีน (General Administration of Customs of the People’s Republic of China: GACC) กำหนด ซึ่งในกรณีของไทยสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้จากสัตว์ปีกแช่แข็งไปยังจีนผ่านท่าเรือกวนเหล่ยได้
โดยไทยได้เริ่มส่งออกสินค้าชิ้นส่วนไก่แช่แข็งจากท่าเรือเชียงแสนครั้งแรกในวันที่ 28 มีนาคม 2561 และเดินทางถึงท่าเรือกวนเหล่ยในวันที่ 30 มีนาคม 2561
อย่างไรก็ดีการกลับมาเปิดทำการขนส่งสินค้าของท่าเรือกวนเหล่ยในระยะแรกนี้จะยังจำกัดเฉพาะสินค้าทั่วไปเป็นหลักก่อน โดยยังไม่อนุญาตให้มีการขนส่งสินค้าที่ต้องดำเนินการผ่านระบบโลจิสติกส์แบบควบคุมอุณหภูมิ (cold chain) ซึ่งรวมถึงชิ้นส่วนไก่แช่แข็งของไทย เนื่องจากฝ่ายจีนยังมองว่า สินค้าในกลุ่มควบคุมอุณหภูมิยังมีความเสี่ยงสูงต่อการปนเปื้อนเชื้อโรคโควิด-19 และอาจเป็นการนำเข้าโรคระบาดจากต่างประเทศซึ่งขัดกับหลักการ “ไม่ข้ามเส้นแดง 3 ประการ” อันเป็นเงื่อนไขสำคัญของการฟื้นฟูการขนส่งสินค้าผ่านด่านท่าเรือกวนเหล่ยในครั้งนี้
สำหรับสินค้าผลไม้สดที่ไทยมุ่งหวังจะขนส่งไปจีนผ่านด่านท่าเรือกวนเหล่ยนั้น ก็ยังไม่สามารถดำเนินการได้ในขณะนี้ เนื่องจากด่านท่าเรือกวนเหล่ยยังไม่ได้รับการกำหนดจากสำนักงานศุลกากรแห่งชาติจีนให้เป็น “ด่านจำเพาะสำหรับการนำเข้าผลไม้” (state designated port for imported fruits) ซึ่งขึ้นอยู่กับความชัดเจนของนโยบายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าต้องการผลักดันในเรื่องนี้มากน้อยเพียงใด
อย่างไรก็ตาม การส่งออกผลไม้ไทยผ่านด่านโม่ฮานซึ่งเป็นด่านจำเพาะสำหรับการนำเข้าผลไม้ที่สำนักงานศุลกากรแห่งชาติจีนกำหนดไว้อยู่แล้ว รวมถึงตั้งอยู่ห่างจากด่านท่าเรือกวนเหล่ยเพียง 130 กิโลเมตร ก็นับว่า มีประสิทธิภาพและสามารถรองรับความต้องการได้อย่างเพียงพอในปัจจุบัน
นอกจากนี้ ยังมีด่านรถไฟโม่ฮานที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับตรวจกักกันโรคพืช ซึ่งเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จก็จะมีความพร้อมเป็นด่านจำเพาะสำหรับการนำเข้าผลไม้อีกแห่งในเร็ววันนี้ ซึ่งจะทำให้มีช่องทางที่มีศักยภาพและความพร้อมรองรับการนำเข้าผลไม้ไทยผ่านมณฑลยูนนานที่ผู้ประกอบการสามารถใช้ประโยชน์ได้นอกเหนือจากด่านท่าเรือกวนเหล่ยและด่านโม่ฮานทางถนนสาย R3A
อนึ่งด่านท่าเรือกวนเหล่ยผ่านการตรวจรับจากสำนักงานศุลกากรแห่งชาติจีนและเปิดใช้งานเมื่อปี 2539 นับเป็นด่านทางน้ำที่เปิดกว้างระหว่างประเทศเพียงแห่งเดียวของมณฑลยูนนาน อีกทั้งยังเป็นประตูด่านแรกในการเข้าสู่จีนผ่านเส้นทางแม่น้ำโขงด้วย ก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ด่านท่าเรือกวนเหล่ยมีจำนวนประชาชนเดินทางผ่านเข้า-ออกเฉลี่ยปีละ 60,000 คน มีปริมาณเรือผ่านเข้า-ออกเฉลี่ยปีละ 6,000 ลำ และมีปริมาณการขนส่งสินค้าเข้า-ออกเฉลี่ยปีละ 270,000 ตัน โดยในปี 2562 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายก่อนเกิดสถานการณ์โรคโควิด-19 ด่านท่าเรือกวนเหล่ยมีปริมาณการขนส่งสินค้าเข้า-ออกรวม 544,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 259 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ที่มา-ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน