นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เสนอ ดังนี้
1. รับทราบผลดำเนินการโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรลูกหนี้ธนาคารของรัฐ 4 แห่ง (โครงการฯ)
2. เห็นชอบให้เกษตรกรที่ได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 ต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนหนี้ตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรถูกต้องครบถ้วนแล้ว และเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non – Performing Loan : NPLs) ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567
3. เห็นชอบให้ธนาคารของรัฐทั้ง 4 แห่ง คิดดอกเบี้ยและเบิกจ่ายเงินชดเชยเงินต้นครึ่งหลัง (ร้อยละ 50) ที่พักไว้ทั้งจำนวนของเกษตรกร จำนวน 16,794 ราย และที่แจ้งเพิ่มเติมภายหลังที่ได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 ได้ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 ทั้งนี้ ให้ธนาคารของรัฐ 4 แห่ง ต้องควบคุมกรอบวงเงินที่ได้รับจัดสรรของแต่ละธนาคาร โดยไม่เกินกรอบวงเงินรวมทั้งสิ้นจำนวน 15,481.66 ล้านบาท ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566
4. เห็นชอบให้ขยายเวลาการดำเนินโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม 2568 โดยให้ระยะเวลาในการดำเนินโครงการสิ้นสุดลงภายใน 150 วัน นับจากวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ทั้งนี้ ต้องเป็นเกษตรกรที่ได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2565 และ 11 ธันวาคม 2567 ที่มาแสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ ภายในวันที่ 21 มีนาคม 2568 โดยกำหนดแนวทางปฏิบัติ ดังนี้
4.1 ให้เกษตรกรและสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) ส่งมอบเอกสารแบบแสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ (ปคน.1) (ปคน.2) และแบบ (ผค.1/4) ให้สถาบันเจ้าหนี้ให้แล้วเสร็จ ภายใน 120 วัน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมิมติ
4.2 ให้สถาบันเจ้าหนี้ดำเนินการทำสัญญาให้แล้วเสร็จ ภายใน 150 วันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
4.3 ในกรณีที่เกษตรกรไม่สามารถทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ได้แล้วเสร็จภายใน 150 วัน เช่น ติดปัญหาเรื่องหลักประกัน หรืออยู่ระหว่างการดำเนินการทางกฎหมายหรืออยู่ระหว่างการดำเนินการของส่วนราชการ ให้ขยายระยะเวลาการทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารออกไปอีกแต่ไม่เกิน 150 วัน นับแต่วันที่ศาล มีคำสั่ง หรือคำพิพากษาถึงที่สุดหรือวันที่ได้รับแจ้งผลการดำเนินการจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
5. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับธนาคารของรัฐทั้ง 4 แห่ง นำมติคณะรัฐมนตรีไปดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกรอบการขยายเวลาข้างต้นตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ