นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือการจัดงานมหกรรมการเกษตรและท่องเที่ยวถนนสายดอกไม้งาม ริมกว๊านพะเยา ร่วมกับจังหวัดพะเยา โดยมี ดร.ธนสาร ธรรมสอน ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางสาวภัทราภรณ์ โสเจยยะ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 134 – 135 ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เตรียมจัดงานมหกรรมการเกษตรและท่องเที่ยวถนนสายดอกไม้งามริมกว๊านพะเยา ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 – 5 มกราคม 2568 บริเวณถนนชายกว๊าน หน้าศาลหมื่นปี (ลานข่วงวัฒนธรรม) บริเวณสามแยกถนนประสาท และสวนสมเด็จย่า 90 พรรษา ณ จังหวัดพะเยา ณ จังหวัดพะเยา เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ในการส่งเสริมการเกษตร พร้อมจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และสร้างช่องทางการตลาดให้ผู้ประกอบการสินค้าเกษตรตามนโยบายตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ และขยายผลการจัดมหกรรมดังกล่าวไปสู่จังหวัดภาคเหนืออื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยมีกิจกรรม อาทิ 1) นิทรรศการ “พะเยาโมเดล สู่เกษตรมูลค่าสูง เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” ตระหนักรู้สู่การปรับเปลี่ยนจาก R1 สู่ R2 2) เวทีเสวนา Young Smart Farmer และเครือข่าย YSF 3) กิจกรรมเสริมทักษะต่อยอดอาชีพด้านการเกษตรเพื่อขับเคลื่อนเกษตรมูลค่าสูง 4) การจัดแสดงเครื่องบินจำลอง ฐานเรียนรู้ 4 ฐาน ตามภารกิจของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร และ 5) กิจกรรมตลาดจำหน่ายสินค้าเกษตร และสินค้าพื้นเมือง เป็นต้น
ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมจัดนิทรรศการตามนโยบายตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ และการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ ควบคู่ไปกับความปลอดภัยทางอาหารเพื่อส่งเสริมกิจกรรม นิทรรศการ และการจำหน่ายสินค้าในพื้นที่ไปพร้อมกัน โดยได้มอบนโยบายให้ทุกหน่วยงานในสังกัด มุ่งเน้นการจัดกิจกรรมพื้นฟูและช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในภาคเหนือให้ได้รับผลประโยชน์อย่างสูงสุด
นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ และจังหวัดพะเยา ประชาสัมพันธ์กิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดพะเยาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยว เกษตรกร นักเรียน และนักศึกษาเข้าร่วมชมงานดังกล่าว เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการทำอาชีพเกษตรกรรม และส่งเสริมให้เกิดเกษตรรุ่นใหม่ (Young Smart farmer) ให้มีเพิ่มมากขึ้นในอนาคต อีกทั้งเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาคเหนือในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้อีกด้วย