นายถาวร ทันใจ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังเข้าร่วมการประชุมคณะทำงานด้านเกษตร ของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 21 (The 21st GMS Working Group in Agriculture) ณ นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า ในการประชุมวันนี้ได้หารือเกี่ยวกับแนวทางการทำงานและแผนปฏิบัติการร่วมกัน พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนแนวทางการรับมือความท้าทายในการพัฒนาระบบเกษตรและอาหารอย่างยืนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง รวมถึงมีการนำเสนอการดำเนินงานการพลิกโฉมระบบเกษตรอาหารอย่างยั่งยืนของไทย ให้สอดคล้องกับนโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเกษตรสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มปริมาณและคุณภาพของสินค้าเกษตร และมุ่งเน้นการเกษตรเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยใช้โมเดล BCG Economy ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ โดยบูรณาการ 3 ภาคส่วนหลักเข้าด้วยกัน ได้แก่ 1) Bio Economy คือ การใช้ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมเพื่อยกระดับจุดแข็งของประเทศไทยในด้านทรัพยากรชีวภาพและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ 2) Circular Economy คือ การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และ 3) green economy เศรษฐกิจสีเขียว มุ่งเน้นการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดมลพิษ และส่งเสริมการใช้แหล่งพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน เพื่อสร้างความมั่นใจในภาคการเกษตรจะเติบโตอย่างสมดุลและมั่นคง โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มรายได้แก่เกษตรกรควบคู่กันไปอีกด้วย
นอกจากนี้ประเทศไทยพร้อมสนับสนุนความร่วมมือกับประเทศสมาชิกในสาขาที่ไทยเชี่ยวชาญ ได้แก่ การควบคุมโรคระบาดผ่านพรมแดน การจัดการ animal resistance risk และเทคโนโลยีนวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะ โดยเชื่อมั่นว่าการเสริมสร้างความร่วมมือที่แข็งขันระหว่างประเทศในอนุภูมิภาคจะช่วยให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในกรอบยุทธศาสตร์GMS 2030 Kunming สำหรับการเปลี่ยนแปลงระบบเกษตรและอาหาร เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคตต่อไป