กรมวิชาการเกษตร ผนึก จ.จันทบุรี จัดประชุมผู้ประกอบการวางแผนเชิงรุก เตรียมความพร้อมฤดูกาลส่งออกลำไยภาคตะวันออกไปจีน

S 287154187

นายรพีภัทร์  จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร  เปิดเผยว่า ศ.ดร นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายให้กรมวิชาการเกษตรเร่งขับเคลื่อนนโยบายผัก ผลไม้ ต้องปลอดภัยและมีคุณภาพสำหรับการบริโภคทั้งในประเทศและการส่งออก  เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงให้ภาคเกษตรไทย จึงได้มอบหมายให้สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 จังหวัดจันทบุรี (สวพ.6)  จัดการประชุม “ผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุลำไยภาคตะวันออก ปี 2567/2568” โดยเน้นย้ำให้ส่งออกสินค้าที่มีคุณภาพและปลอดภัยตรงตามมาตรฐานของประเทศปลายทาง เพื่อร่วมกันรักษาตลาดลำไยให้ยั่งยืน  โดยการประชุมในครั้งนี้เพื่อให้ผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุลำไย และผู้เกี่ยวข้อง รับทราบสถานการณ์การผลิต การส่งออก  ผลการขึ้นทะเบียนสายเก็บลำไยฤดูกาลผลิตปี 2567/2568 ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขึ้นทะเบียนโรงงานผลิตสินค้าพืช (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2567 เพื่อให้เกิดความเข้าใจในหลักเกณฑ์ กฎระเบียบต่าง ๆ ให้เป็นทิศทางเดียวกัน

S 287154189

นายพิทวัฒน์ อ่อนทองหลาง ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 กล่าวว่าการประชุมในครั้งนี้จัดขึ้น ณ ห้องประชุมอาคารอเนกประสงค์ สวพ.6 โดยมีนายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เป็นประธานเปิดการประชุมและมอบนโยบายด้านการส่งออกผลไม้แก่ผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุลำไยภาคตะวันออก ปี 2567/2568  สำหรับตนในฐานะผู้กำกับดูแลภารกิจการขึ้นทะเบียนโรงคัดบรรจุและการดำเนินการต่าง ๆ ภายใต้กฎ ระเบียบ และเงื่อนไขการส่งออกสินค้าพืช ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการเตรียมความพร้อมรองรับฤดูกาลส่งออกลำไยของภาคตะวันออกตามข้อสั่งการของอธิบดีกรมวิชาการเกษตรและนายภัสชญภณ  หมื่นแจ้ง  รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ในฐานะที่กำกับดูแล สวพ. 6  โดยปัจจุบันมีโรงคัดบรรจุลำไยที่ขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตรในพื้นที่ภาคตะวันออกและสามารถส่งออกตามเงื่อนไขของประเทศจีนได้ในปี 2567 จำนวน 103 โรง อยู่ในจังหวัดจันทบุรี 100 โรง สระแก้ว 2 โรง และระยอง 1 โรงทั้งนี้ จากรายงานของสำนักงานการศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน พบว่ายังคงเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบศัตรูพืชกักกันและสารพิษตกค้างในลำไยนำเข้าจากต่างประเทศอยู่เป็นระยะ โดยสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงปักกิ่ง แจ้งว่าทางการจีนมีความเข้มงวดในการตรวจสอบสวนผลไม้และโรงคัดบรรจุของไทยที่ส่งออกไปจีน โดยสุ่มตรวจประเมินระยะไกลผ่านทางวีดิโอคอนเฟอเรนซ์เดือนละ 1 ครั้ง จึงขอความร่วมมือให้ชาวสวนและผู้ประกอบการเข้มงวดในเรื่องดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้ทางจีนระงับการนำเข้าลำไยจากประเทศไทย  อีกทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับฤดูกาลส่งออกลำไยที่กำลังจะมาถึงด้วย

         

S 287154190

สำหรับสถานการณ์ส่งออกลำไยสดภาคตะวันออกฤดูกาลผลิต ปี 2567/2568 ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – ตุลาคม 2567 มีการส่งออกลำไยสดภาคตะวันออกจำนวน 2,215 ตู้/ชิปเม้นท์ รวม 54,738.73 ตัน คิดเป็นมูลค่า 2,416.34 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ด่านตรวจพืชจันทบุรี ได้ดำเนินการตรวจสอบศัตรูพืชที่โรงคัดบรรจุลำไย เพื่อประกอบการออกใบรับรองสุขอนามัยพืช โดยโรงคัดบรรจุต้องแสดงข้อมูลหลักฐานว่าสินค้าในตู้คอนเทนเนอร์มีการรมก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์และต้องผ่านเกณฑ์ตามข้อตกลงพิธีสารกำหนดไว้ และสุ่มตรวจศัตรูพืช กรณีโรงคัดบรรจุที่ไม่ถูกแจ้งเตือนพบศัตรูพืชจะสุ่มตรวจ 3 %ของจำนวนสินค้าทั้งหมดบนตู้คอนเทนเนอร์ และกรณีโรงคัดบรรจุที่ถูกแจ้งเตือนพบศัตรูพืชจะสุ่มตรวจ 5 %ของจำนวนสินค้าทั้งหมดบนตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งที่ผ่านมาโรงคัดบรรจุได้ให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามคำแนะนำเป็นอย่างดี เนื่องจากเล็งเห็นถึงความสำคัญ หากมีการตรวจพบศัตรูพืชที่ประเทศปลายทางจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกและเกิดความเสียหายกับสินค้า คาดการณ์ว่ากลางเดือนพฤศจิกายน 2567 ถึงเดือนมกราคม 2568 การส่งออกจะเพิ่มมากขึ้น

S 287154191

ด้านนายธัญสิทธิ์ ชาติวิริยะพงษ์ เกษตรจังหวัดจันทบุรี ได้รายงานสถานการณ์การผลิตลำไยของภาคตะวันออก มีพื้นที่ปลูกลำไยรวมทั้งสิ้น 343,117 ไร่ พื้นที่ให้ผล 333,801 ไร่ ผลผลิตคาดการณ์รวม 387,709 ตันซึ่งผลผลิตส่วนใหญ่จำนวน 306,900 ตัน เป็นผลผลิตลำไยของจังหวัดจันทบุรี และผลผลิตอีกจำนวน 74,596 ตัน เป็นของจังหวัดสระแก้ว ส่วนผลผลิตที่เหลือจำนวน 6,213 ตันจะกระจายอยู่ในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ โดยรอบ  ขณะที่สมาคมการค้าและการท่องเที่ยวชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดจันทบุรี ได้รายงานการขึ้นทะเบียนสายเก็บลำไยจังหวัดจันทบุรี ฤดูกาลผลิต ปี 2567/2568 (วันที่ 15 กันยายน – 31 ตุลาคม 2567) มีโรงคัดบรรจุขึ้นทะเบียนจำนวน 40 โรง แยกเป็นขึ้นทะเบียนสายเก็บจำนวน  293 ราย รถทอยจำนวน 30 ราย และแรงงานในความดูแลตามมาตรา 64 จำนวน 8,545 ราย สำหรับสายเก็บอิสระหรือรับเหมาทั่วไปขึ้นทะเบียนจำนวน 75 ราย และรถทอย 5 ราย และแรงงานในความดูแลตามมาตรา 64 จำนวน 1,081 ราย 

S 287154192

 นอกจากนี้ ภายในการประชุมยังได้ร่วมกันพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์เกินค่ามาตรฐานของประเทศจีน  โดยปฏิบัติตามมาตรฐานโรงรม มกษ.1004-2557  และร่วมกันตรวจสอบผลการทวนสอบของวิธีการรมก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ของห้องรม  ตรวจสอบประสิทธิภาพห้องรมเปล่าและห้องรมที่มีผลไม้สดก่อนการใช้งาน ซึ่งต้องมีปริมาณตกค้างในผลไม้สดไม่เกินข้อกำหนดในกฎหมาย รวมทั้งตรวจสอบผลการรมก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ก่อนการส่งออกให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด  โดย สวพ.6 จะสุ่มตรวจก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์หากพบเกินค่ามาตรฐานจะดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดเพื่อพัฒนาระบบการส่งออกให้เป็นไปตามที่จีนต้องการ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของกรมวิชาการเกษตรในพื้นที่ได้ดำเนินการตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ซึ่งหากทุกฝ่ายร่วมมือกันให้ความสำคัญในเรื่องของคุณภาพผลผลิตส่งออกก็จะสามารถขับเคลื่อนให้ธุรกิจการค้าลำไยเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีความยั่งยืน

S 287154193
S 287154194
S 287154195
S 287154196
S 287154197
S 287154198
S 287154200