กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร และกรมพัฒนาที่ดิน จับมือบางจาก และบีบีจีไอ สนับสนุนเกษตรกรไทยลดการเผาตอซังและฟางข้าว เพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ด้วยจุลินทรีย์

1020590

นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการ “ลดเผา เบาฝุ่น” สนับสนุนเกษตรกรไทยลดการเผาตอซังและฟางข้าว เพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ด้วยจุลินทรีย์ ระหว่าง กรมส่งเสริมการเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) และบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ 5 ชั้น 3 พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จ.ปทุมธานี เพื่อขับเคลื่อนการศึกษาทดสอบเทคโนโลยีชีวภาพ โดยการทดสอบประสิทธิภาพจุลินทรีย์ย่อยสลาย ร่วมกับ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) ภายใต้บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พบว่าได้ผลเป็นอย่างดี จากการทดสอบในห้องปฏิบัติการและพื้นที่ของเกษตรกร จุลินทรีย์สามารถย่อยสลายตอซังและฟางข้าวได้ภายใน 7 วัน มีขั้นตอนการใช้งานอย่างง่าย โดยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและสิ่งแวดล้อม เพียงฉีกซองผสมน้ำ เตรียมหัวเชื้อในปริมาณ 100 กรัม ผสมน้ำ 20 ลิตร สำหรับใช้ในพื้นที่ 1 ไร่ ที่มีน้ำท่วมตอซัง ซึ่งผลการทดสอบเกษตรกรยอมรับในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไม่เผาในพื้นที่การเกษตรของตนเอง และมีความพึงพอใจต่อการใช้จุลินทรีย์เป็นอย่างมาก โดยในระยะต่อไปมีแผนที่จะสนับสนุนเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 2,400 ราย ในพื้นที่ 59,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี นนทบุรี สระบุรี ลพบุรี ชัยนาท และสุพรรณบุรี

1020591

อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดการเผาของเกษตรกร จะต้องใช้เทคโนโลยี และผลการวิจัย ศึกษา ทดสอบ และเห็นผลสำเร็จที่เกิดขึ้นจริงของการทดสอบ ซึ่งจะเป็นแนวทางในการบูรณาการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ภาคการเกษตร ร่วมกันระหว่างภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน เพื่อสร้างอากาศสะอาด พื้นฟูและรักษาสิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน

1020601

ทั้งนี้ ในส่วนของกรมส่งเสริมการเกษตรได้ขับเคลื่อนนโยบาย 3R Model ตามนโยบายรัฐบาลเพื่อเป็นแนวทางในการลดปัญหาการเผาในพื้นที่การเกษตร เป้าหมายสำคัญ คือทำความเข้าใจกับเกษตรกรให้เข้าใจถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยไม่เผา และส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์จากเศษวัสดุทางการเกษตร โดยพื้นที่ปลูกข้าว 1 ไร่ จะมีปริมาณตอซังและฟางข้าว เฉลี่ยปีละ 650 กิโลกรัม เกษตรกรส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจในการบริหารจัดการฟางข้าวและตอซัง เพื่อเป็นทางเลือกในการเพิ่มรายได้และผลผลิตทางการเกษตร ส่งผลให้เกษตรกรส่วนใหญ่ตัดสินใจเผาฟางข้าวและตอซัง เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการปลูกพืชหมุนเวียนต่าง ๆ จนทำให้ฟางถูกเผาทิ้งอย่างน่าเสียดาย การเผาฟางนอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ยังทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อม จนกลายเป็นมลภาวะและก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก จึงมีหลายภาคส่วนร่วมกันหานวัตกรรมใหม่ มาช่วยในการย่อยสลาย โดยต้องปลอดภัยทั้งเกษตรกร ปลอดภัยต่อพืช ไม่มีสารตกค้างต่อสิ่งแวดล้อมด้วย โดยปกติแล้วฟางข้าวมีปริมาณธาตุอาหารหลักของพืช ได้แก่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม เฉลี่ย 0.51 0.14 และ 1.55 เปอร์เซ็นต์ มีปริมาณธาตุอาหารรองของพืชได้แก่ แคลเซียม แมกนีเซียม และซัลเฟอร์ เฉลี่ย 0.47 0.25 และ 0.17 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเมื่อย่อยสลายเป็นอินทรียวัตถุจะปรับเพิ่มปริมาณธาตุอาหารในดินเพิ่มขึ้น และส่งผลให้ประหยัดต้นทุนการซื้อปุ๋ย เป็นวงจรการปรับปรุงบำรุงดินที่สำคัญอีกทางหนึ่ง       

1020592
1020593
1020601