เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมด้วย นายประวัติ แดงบรรจง รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และคณะผู้บริหารกรมส่งเสริมสหกรณ์ ผู้แทนสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร เข้าร่วมพิธีมอบรางวัลเลิศรัฐ ประจำปี พ.ศ. 2567 ซึ่งจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) โดยมี นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพคเมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์มีผลงานที่ผ่านการพิจารณาและได้รับรางวัลเลิศรัฐ ประจำปี 2567 จำนวน 5 รางวัล ดังนี้ สาขาการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม ประเภทร่วมใจแก้จน ระดับดีเด่น 4 ผลงาน ได้แก่ 1. “เกษตรผสมผสานบ้านนาพูนร่วมใจ สร้างรายได้อย่างยั่งยืน” จากสำนักงานสหกรณ์จังหวัดแพร่ 2. “น้ำ – ข้าว เขาสะเอียม Solf Power เมืองช่อแฮ“ จากสำนักงานสหกรณ์จังหวัดแพร่ 3. “วิถีกสิกรสู่วิถีกสิกรรมอย่างยั่งยืน สหกรณ์พัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงแม่สอง จำกัด”จากสำนักงานสหกรณ์จังหวัดตาก“ 4. “ยางพารา พลิกวิกฤตแก้จน คนกันทรอม“ จากสำนักงานสหกรณ์จังหวัดศรีสะเกษ และประเภทสัมฤทธิผลประชาชนแบบมีส่วนร่วม ระดับดี 1 ผลงาน ได้แก่ “รวมใจพัฒนาหุบกะพง ขยายผลศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน“ จากสำนักงานสหกรณ์จังหวัดเพชรบุรี
นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า “สำหรับรางวัลเลิศรัฐ เป็นรางวัลแห่งเกียรติยศที่มอบให้หน่วยงานที่ได้มุ่งมั่นปฏิบัติราชการจนประสบความสําเร็จ มีความเป็นเลิศแห่งหน่วยงานรัฐทั้งปวง เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของข้าราชการ และทิศทางการดำเนินงานต่าง ๆ ของราชการให้แก่ประชาชน โดยขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการทำให้กรมฯ ได้รับรางวัลเลิศรัฐในปี 2567 นี้ ซึ่งรางวัลเลิศรัฐที่ได้รับในครั้งนี้ ถือเป็นตัวอย่างของความสำเร็จจากความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ส่งเสริมสหกรณ์ และช่วยสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์พร้อมจะผลักดันและกระตุ้นให้เกิดการพัฒนากระบวนการทำงานและยกระดับการบริการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกผลงานที่ได้รับรางวัลเลิศรัฐในปีนี้ ถือเป็นต้นแบบที่ดีที่จะนำไปสู่การขยายผลและพัฒนาสหกรณ์ในพื้นที่อื่น ๆ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์มีนโยบายให้หน่วยงานระดับภูมิภาคใช้กลไกสหกรณ์เข้าไปช่วยเสริมสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง ใช้วิธีการสหกรณ์เข้ามาช่วยแก้ปัญหาในการประกอบอาชีพ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากที่สำคัญของประเทศต่อไป” อธิบดีฯ วิศิษฐ์กล่าว
