ฉะนักวิชาการ “ทุเรียนปนเปื้อนแคดเมียม” ‘ชลธี’ ท้าลงพื้นที่ไปตรวจ หวั่นทุเรียนถูกสวมสิทธิ์

“พูดไปเรื่อย” ‘ชลธี’ ตอกนักวิชาการให้ข้อมูลทุเรียนปนเปื้อนแคดเมียมภาคตะวันออก ท้าให้ลงไปดูแหล่งปลูกทุเรียน “…จะได้เข้าใจ”

นาย ชลธี นุ่มหนู นายกสมาพันธ์ชาวสวนทุเรียนไทยภาคตะวันออก ให้สัมภาษณ์กรณีนักวิชาการบางคน ออกมาให้ข้อมูลทุเรียนปนเปื้อนแคดเมียมจากไทย และถูกทางการจีนสั่งระงับส่งออก โดยกล่าวหาว่า พื้นที่ภาคตะวันออกเป็นแหล่งอุตสาหกรรม และพบการปนเปื้อนแคดเมียมในดิน และน้ำ

โดยระบุว่า อยากให้นักวิชาการคนดังกล่าว ลงพื้นที่ไปดูสวนทุเรียน และวิธีการปลูกของชาวสวนทุเรียนในภาคตะวันออก ว่า เป็นอย่างไร และเป็นไปตามที่นักวิชาการคนดังกล่าวพูดหรือไม่ เพราะแหล่งปลูกที่จันทบุรีและตราด ไม่มีโรงงานอุตสาหกรรม ส่วนที่ จ.ระยอง แหล่งปลูกทุเรียนก็ไม่ได้อยู่ในภาคอุตสาหกรรม จึงย้ำว่า หากจะพูดสิ่งใดต้องดูความเป็นจริงและความเป็นไปได้ว่า ใช่หรือไม่

“ภาคตะวันออกปลูกทุเรียนและส่งออกมากว่า 30 ปี ไม่เคยตรวจพบการปนเปื้อนแคดเมียมในทุเรียน แต่การตรวจพบและมีการแจ้งเตือน เกิดขึ้นหลังจากจีนตรวจพบการปนเปื้อนแคดเมียมในทุเรียนของเวียดนามและสั่งระงับส่งออก จึงสงสัยว่า มีขบวนการสวมสิทธิ์ทุเรียนโดยใช้เอกสารจากประเทศไทยหรือไม่” ชลธี กล่าว

“เรื่องนี้ กรมวิชาการเกษตร ต้องออกมาเปิดเผยข้อมูลการตรวจสอบการปนเปื้อน ทั้งที่ ล้ง และสวนว่าเป็นอย่างไร อย่าปล่อยให้เงียบหาย เพราะจะไม่ต่างอะไรกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา เช่น การนำเอกสารจากไทยไปสวมสิทธิ์ทุเรียนจากประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อปี 2566 ที่ตรวจพบการนำทุเรียนไม่ได้คุณภาพส่งไปและถูกตรวจสอบพบที่ด่านตรวจฯ มุกดาหาร กระทั่งตีกลับมาที่ จ.ชุมพร” 

นายชลธี ยังบอกอีกว่า ผลประโยชน์ในวงการทุเรียนมีมากมาย ซึ่งใครๆก็รู้ แต่เมื่อเกิดปัญหากับทุเรียน แล้วไม่หาความจริงให้กระจ่าง ยิ่งเป็นการทำร้ายชาวสวนทุเรียนมากเท่านั้น เพราะทุกคนเข้าใจว่า ชาวสวนรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่ และต้องมีมาตรการลงโทษอย่างเด็ดขาดกับขบวนการสร้างความเสียหายกับทุเรียนไทยอย่างจริงจังด้วย