แห้วที่ปลูกในปัจจุบันคือ “แห้วพันธุ์จีน” มีลำต้นคล้ายต้นหอมหรือใบกก ลักษณะปลูกคล้ายข้าว “แห้วจีน” เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกโดยคาดการณ์ว่าอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีน และมีการนำไปปลูกยังเขตร้อนต่าง ๆ หลายประเทศ
ปัจจุบันมีการปลูกแห้ว เป็นการค้าในสาธารณรัฐประชาชนจีน เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ สหรัธอเมริกาสาธารณรัฐอินเดีย ทวีปอเมริกาใต้ และประเทศไทย ซึ่งแหล่งปลูกแห้วจีนที่ใหญ่ที่สุดคือจังหวัดสุพรรณบุรี และถือเป็นพืชเศรษฐกิจท้องถิ่นที่สำคัญ ซึ่งปัจจุบันเกษตรกรผู้ปลูกแห้วมีแนวโน้มเพิ่มจำนวนมากขึ้น เนื่องจากแห้วมีราคาที่สูงขึ้นประกอบกับราคาข้าวมีราคาตำลง ส่งผลให้เกษตรกรเปลี่ยนจากการทำนาข้าวมาทำนาแห้วมากขึ้นแห้วเป็นสินค้าที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดสุพรรณบุรีด้วยรสชาติของแห้วที่มีรสชาติหวาน มัน กรอบ และเนื้อแน่นเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภค แห้วสุพรรณได้ถูกส่งขายไปยังตลาดในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
ในปี พ.ศ. 2560 จังหวัดสุพรรณบุรีได้ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications : GI)”แห้วสุพรรณ” ต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อให้แห้วสุพรรณ เป็นสินค้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค ปัจจุบันชุมชนสามารถนำมาแปรรูปเป็นอาหารคาวและอาหารหวานหลากหลายชนิด เช่น ทอดมันแห้ว แกงส้มแห้ว ทับทิมกรอบ ทองม้วนแห้ว และยังสามารถผลักดันให้แหล่งผลิตเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรสร้างสรรค์ที่คงไว้ซึ่งอัตลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชน
ประเทศไทยได้เปรียบในแง่ภูมิศาสตร์ ที่สามารถปลูกพืชคุณภาพได้แบบที่ประเทศอื่นไม่สามารถปลูกได้ สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เป็นระบบการันตีคุณภาพที่ได้รับการยอมรับจากหลายพื้นที่ทั่วโลก มีกฎหมายให้ความคุ้มครองเพื่อป้องกันมิให้ประชาชนสับสนหรือหลงผิดในแหล่งภูมิศาสตร์ของสินค้า คุ้มครองชื่อของสินค้าให้เป็นสิทธิ์เฉพาะของชุมชนที่ขึ้นทะเบียน เป็นการยกระดับและเพิ่มมูลค่าของสินค้า สร้างความเข้มแข็ง ความสามัคคีให้แก่ชุมชน ที่สำคัญยังสร้างความเชื่อมั่นในแหล่งและคุณภาพของตัวสินค้าให้กับผู้ซื้อ ตลอดจนได้รับการสนับสนุนการจดทะเบียนในระดับต่างประเทศ “GI จึงเปรียบเสมือนเป็น “แบรนด์” ของท้องถิ่นที่บ่งบอกถึงคุณภาพ และแหล่งที่มาของสินค้า”
สำหรับเรื่องแห้ว GI นั้น กรมส่งเสริมการเกษตร โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดสุพรรณบุรี ได้ดำเนินการส่งเสริมสนับสนุนเกษตรกร ปลูกแห้ว มาอย่างต่อเนื่อง พัฒนาฐานข้อมูลภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการเกษตร เป็นการจัดเวทีชุมชนเพื่อจัดทำฐานข้อมูลภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการเกษตร เรื่องการทำนาแห้วของเกษตรกรจังหวัดสุพรรณบุรี
ในปี 2566 ได้มีการรวมกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกแห้วจัดตั้งเป็น แปลงใหญ่แห้วจีน ตำบลวังยาง อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ขึ้น มีสมาชิก 33 ราย พื้นที่เข้าร่วม 349 ไร่ และส่งเสริมให้จัดตั้งกลุ่ม คลัสเตอร์แห้วขึ้น เป็นการรวม ผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้ประกอบการ รวมถึงหน่วยงานราชการเข้ามาสนับสนุน สิ่งสำคัญที่เกิดขึ้นคือการต่อยอดไปในด้านการท่องเที่ยวของชุมชนและจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนกลุ่มท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงเกษตรสร้างสรรค์สมหวังที่ตำบลวังยาง โดยมีกิจกรรมเกี่ยวกับวิถีชีวิตคนวังยาง กระบวนการทำนาแห้วตั้งแต่ เพาะพันธุ์ ปักดำ เก็บเกี่ยว จนถึงแปรรูป ซึ่งสามารถงาน สร้างรายได้ให้กับสมาชิกกลุ่ม รวมถึงชุมชนได้เป็นอย่างดี
กรมส่งเสริมการเกษตรพยายามผลักดันให้เกษตรกรตระหนักถึงความสำคัญของมาตรฐานสินค้าเกษตร GAP พืชอาหาร ความปลอดภัยของทั้งตัวเกษตรกรเอง และความปลอดภัยของผู้บริโภค ซึ่งสมาชิกกลุ่ม ส่วนใหญ่ผ่านการรับรองแล้ว
กรมส่งเสริมการเกษตร ขับเคลื่อนแห้วสุพรรณบุรี โดยใช้การขับเคลื่อน IGNITE การทำเกษตรแม่นยำ เป็นการยกระดับมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตร สามารถสร้างจุดเด่น ทางการตลาด และการยอมรับจากผู้บริโภค