วันที่ 16 ส.ค.2567 เวลา 10.00 น.มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ตามที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประชุมจัดวาระพิเศษ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคล ซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
การนัดประชุมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ซึ่งเกิดขึ้นเพียง 2 วันหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากการเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่อง จากกรณีการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่มีคุณสมบัติต้องห้าม
เมื่อการประชุมเริ่มขึ้น นายสรวงศ์ เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย เสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร โดยมีผู้รับรอง 291 คน ถือว่าครบเกิน 50 คน โดยไม่มีผู้เสนอชื่อชิงตำแหน่ง ทำให้มีเพียง น.ส.แพทองธาร เพียงคนเดียว
นายวันมูหะมัดนอร์ชี้แจงว่า จากนั้นเป็นขั้นตอนการลงคะแนนเนื่องจากมีบุคคลเสนอชื่อเป็นนายกฯ เพียงคนเดียว แต่จะต้องมีการลงมติจำนวนเกินกึ่งหนึ่งของ ส.ส.ที่มีอยู่ คือต้องมากกว่า 248 คน
ทั้งนี้ก่อนลงคะแนนด้วยวิธีขานชื่อเรียงตามตัวอักษร นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ทวงการใช้สิทธิขอให้มีการอภิปราย โดยแจ้งว่ามีผู้แสดงความประสงค์ขออภิปราย 2คนคือ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน และนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย ซึ่งใช้เวลาไม่นาน
ปรากฏว่า นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย คัดค้านโดยยืนยันขอให้ดำเนินการตามระเบียบวาระ ไม่ได้กลัวการอภิปราย แต่ฝ่ายค้านก็ยังไม่สมบูรณ์ยังไม่มีการแต่งตั้งผู้นำฝ่ายค้านฯ และผู้ถูกเสนอชื่อก็ไม่ได้อยู่ในห้องประชุม จึงไม่ควรอภิปราย และวาระวันนี้มีเพียงแค่ ขอให้ลงคะแนนเลย แต่นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า แม้จะไม่มีระเบียบให้อภิปรายก่อนโหวตนายกฯ แต่เมื่อคืนวันที่ 15ส.ค.นายปกรณ์วุฒิ โทรศัพท์ มาหาตนขออภิปราย 20นาที ตนจึงอนุญาตโดยให้เวลา 20 นาที ทำให้สส.เพื่อไทยไม่พอใจ อาทิ นายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ ยืนยันไม่เห็นด้วยกับการอภิปราย ใครจะไปตกลงอะไรกันไว้ แต่ทุกอย่างต้องเดินหน้าตามข้อบังคับการประชุม ให้เดินหน้าโหวตนายกฯ
โดยนายวันมูหะมัดนอร์พยายามจะเสนอว่า เมื่อมีความเห็นเป็น 2ฝ่าย ขอให้โหวตลงมติจะให้มีการอภิปรายหรือไม่ แต่ปรากฏว่า ทั้งสส.พรรคเพื่อไทยและสส.พรรคประชาชน ต่างไม่ยอมกันยังถกเถียงกันไปมาจะให้อภิปรายหรือไม่ แต่ปรากฏว่า ทั้งสส.พรรคเพื่อไทยและส.ส.พรรคประชาชน ต่างไม่ยอมกัน ถกเถียงกันไปมาจะให้อภิปรายหรือไม่ ทำให้เสียเวลาไปร่วม 30นาท สุดท้ายนายวันมูหะมัดนอร์ วินิจฉัยว่าเมื่อวิปทั้งสองฝ่ายตกลงกัน และประะธาน วิปก็อนุญาต ดังนั้นขอให้ที่ประชุมอภิปรายไม่เกิน 20 นาที และไม่ก้าวล่วงไปเรื่องคุณสมบัติ และไม่เกี่ยวกับเรื่องนโยบาย
กระทั่งเวลา 10.50 น. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย อภิปรายว่า ขณะนี้ประเทศขาดนายกรัฐมนตรี วันนี้การเมืองอยู่ในสภาวะทางตันประเทศ จึงต้องมีวาระเร่งด่วนเลือกนายกฯคนใหม่มาบริหารประเทศ สภาผู้แทนราษฎรในวันนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 10ปี จะมีสิทธิอำนาจเลือกนายกฯด้วยตัวเอง ไม่ต้องผ่านวุฒิสภา ประเทศไทยเดินทางมาถึงจุดขาลงด้านเศรษฐกิจ และมีภูเขาการเมืองมาทับซ้อน ทำให้ประชาชนทนอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจต่อไปได้อย่างไร จึงอยากเห็นนายกฯคนใหม่มาบริหารประเทศ แก้ปัญหาให้ประชาชนที่อยู่ในภาวะอ่อนแอ แต่ไม่อยากให้ไปถึงจุดเรียกร้องไปถึงอำนาจที่มองไม่เห็น รัฐสภาจึงต้องเป็นสิ่งแก้ปัญหาทางการเมือง ฝากสส.ช่วยหาทางออกผ่าทางตันการเมืองไม่ให้เกิดขึ้น เพื่อคงไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ใช้ดุลยพินิจลงมติอย่างรอบคอบ คำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศ
จากนั้นเวลา 11.10 น. ที่ประชุมสภาฯเริ่มลงมติบุคคลผู้ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ โดยการขานชื่อเรียงตามตัวอักษรว่าเห็นชอบ ไม่เห็นชอบ งดออกเสียง ไม่ลงคะแนน ให้น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯหรือไม่
ทั้งนี้ในการโหวตลงมติให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี นั้น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่มาร่วมประชุมโหวตเลือกนายกฯ
ขณะที่ 6 สส.จากพรรคไทยสร้างไทย โหวตสวนมติพรรคฝ่ายค้าน โดยเห็นชอบให้ น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ
ต่อมาการลงคะแนนได้เสร็จสิ้นลงผลการโหวตเห็นชอบ 319 เสียง ไม่เห็นชอบ 145 เสียง งดออกเสียง 27 เสียง ซึ่งมีผลว่าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบให้ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร ขึ้นเป็นนายกฯ คนที่ 31 ของประเทศไทย โดยใช้เวลาในการลงคะแนนประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ