นายกรัฐมนตรีเผย ครม.ถกยาวโครงการ “ปุ๋ยคนละครึ่ง” หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์หนัก ด้าน “ร.อ.ธรรมนัส” ยืนยันคนละส่วนกับโครงการชดเชยไร่ละ 1,000 บาท ชี้รัฐเยียวยากรณีเกิดวิกฤติราคาข้าวตกต่ำ ยันปุ๋ยจะทำให้ราคาข้าวสูงขึ้น
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า เรื่องสุดท้ายในการประชุม ครม.ได้พูดคุยกันและเป็นเหตุให้การประชุมเสร็จช้า เนื่องจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้มีการพูดคุยถึงรายละเอียดในโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง โดยแจ้งว่าโครงการชดเชยเยียวยาไร่ละ 1,000 บาท กับโครงการปุ๋ยคนละครึ่งเป็นคนละโครงการกัน
ซึ่งโครงการชดเชยเยียวยา 1,000 บาท มีมาสมัยรัฐบาลที่แล้ว ที่เติมให้ไร่ละ 1,000 บาทไม่เกิน 20 ไร่ เป็นโครงการช่วยเหลือในเหตุการณ์วิกฤติ ปีที่ผ่านมาที่ราคาข้าวอยู่ประมาณ 7,000-8,000 บาทต่อตัน แต่ปัจจุบันราคาข้าวดีขึ้นแล้ว จึงทำให้เกิดโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง เพื่อลดต้นทุนของเกษตรกรชาวนา และเพิ่มจำนวนผลผลิตต่อไร่ของข้าว ซึ่งเป็นโครงการที่มีความยั่งยืนและใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า เป็นสิ่งที่พูดคุยกับหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องเกษตรกรอย่างแท้จริง โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะชี้แจงรายละเอียดต่อไป
“อย่าลืมนะครับว่าไม่ใช่แค่ราคาข้าวต่อตันอย่างเดียวที่มีความสำคัญ ซึ่งเรามั่นใจว่าปีนี้ราคาข้าวจะดี จากการที่เราใช้เกษตรแม่นยำ ใช้ปุ๋ยที่ถูกต้องตามการวิเคราะห์ดินโดยใช้หมอดิน ซึ่งมีอยู่หลายหมื่นคนทั่วประเทศ ทำให้เราทราบถึงความต้องการของปุ๋ยที่ถูกต้อง ซึ่งจะมีการสำรวจหน้าดินว่าขาดแคลนอะไรก่อน ตรงนี้ถึงมีความสำคัญ“ นายกฯกล่าว
ผู้สื่อข่าวสอบถามเพิ่มเติมว่า ระหว่างทางที่ปุ๋ยจะถึงมือเกษตรกร มองถึงอาจมีการทุจริตเกิดขึ้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มีการพูดคุยกันอย่างชัดเจน เรื่องการทุจริตประพฤติมิชอบต้องไม่ใช่ว่าตกอยู่ในมือผู้ค้าปุ๋ยแค่ 2-3 ราย ซึ่งทางกระทรวงเกษตรฯพยายามหาผู้ค้าปุ๋ยมาประมาณ 40-50 ราย เราเน้นย้ำเรื่องการทุจริตด้วย
ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการที่รัฐบาลขุดโครงการปุ๋ยคนละครึ่งมาแล้วไปยกเลิกโครงการเยียวยา 1,000บาท ในกรณีชาวนาเกิดวิกฤติน้ำท่วมน้ำแล้ง นายกฯ กล่าวว่า เป็นสองเรื่องที่ต้องแยกกัน โครงการปุ๋ยคนละครึ่งเป็นเรื่องของการเพิ่มผลผลิต ให้ความแม่นยำกับการปลูกข้าว แต่กรณีเกิดวิกฤติ แน่นอนต้องพิจารณาตามความเหมาะสม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงท้ายการประชุม ครม. ร.อ.ธรรมนัส ได้หารือในที่ประชุม ครม.ถึงโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง หลังจากที่รัฐบาลมีมติในการประชุมครั้งที่ผ่านมาจนถูกวิพากษ์วิจารณ์ และโยงว่ายกเลิกโครงการเยียวยาชาวนา 1,000 บาทต่อไร่ ซึ่งใช้เวลาพูดคุยนานกว่า 30 นาที ก่อนนายกฯจะลงมาแถลงผลการประชุม โดยหลังการแถลงข่าว ร.อ.ธรรมนัส ได้เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ไปพร้อมกับนายกรัฐมนตรีด้วย
ต่อมา ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงถึงโครงการปุ๋ยคนละครึ่งว่า เป็นความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ซึ่งเป็นการเรียกร้องของชาวนา จึงได้นำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หลังจากนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมการข้าว จะตั้งคณะกรรมการร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจะเป็นที่ต้องการของชาวนาหรือไม่นั้นต้องดูว่า ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หรือ ธ.ก.ส.เปิดให้เกษตรกรลงทะเบียนว่า สนใจโครงการนี้หรือไม่ ซึ่งไม่ใช่การบังคับ หรือยัดเยียดให้เกษตรกร และเมื่อเกษตรกรลงทะเบียนแล้ว ยังต้องไปเข้าแอพพลิเคชั่นของ ธ.ก.ส. ซึ่งเงินจะไม่ผ่านระบบราชการ
ส่วนที่หลายคนมองมีการล็อกสเปก ล็อกสูตรปุ๋ย ล็อกบริษัทนั้น ร้อยเอกธรรมนัส ยืนยันด้วยว่า เรื่องนี้เปิดโอกาสให้ทุกบริษัทเข้าร่วมโครงการ โดยลงทะเบียนผ่านกรมวิชาการเกษตร ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ตรวจสอบคุณภาพปุ๋ย เป็นเรื่องของการพัฒนาคุณภาพผลผลิตทางการเกษตรประเภทข้าว
ส่วนที่ชาวนาต้องการไร่ละ 1,000 บาทไม่ได้ต้องการปุ๋ยคนละครึ่งนั้น ร้อยเอกธรรมนัส ระบุว่า ไร่ละ 1,000 บาทนั้น เป็นส่วนที่รัฐอุดหนุนให้กับเกษตรกรที่มีปัญหา จากปัญหาพืชผลราคาตกต่ำ ภัยแล้ง น้ำท่วม เป็นคนละส่วนกับโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง ซึ่งโครงการดังกล่าวยังมีอยู่หากเกิดวิกฤตกับชาวนา ซึ่งแม้หากโครงการปุ๋ยคนละครึ่งผ่านไปแล้ว แต่ชาวนายังเดือดร้อน จากภัยธรรมชาติ ก็เป็นเรื่องที่รัฐต้องเข้าไปช่วยเหลือเป็นปกติอยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีสั่งให้ทบทวนโครงการปุ๋ยคนละครึ่งนั้น ร้อยเอกธรรมนัส ระบุว่า เป็นขั้นตอนที่ไม่ให้หน่วยงานราชการ เข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ เพื่อให้เกิดเกษตรกรได้ปุ๋ย สำหรับพัฒนาคุณภาพข้าว
ด้าน “โฆษกรัฐบาล” สวนข้อครหาผูกขาดบางเอกชน เผย 50 บริษัทแห่ร่วม – ยันคนละเรื่องเยียวยาชาวนาไร่ละ 1,๐๐๐ บาท
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้หยิบยกเรื่องปุ๋ยคนละครึ่งมาหารือ ตามมติ ครม.เมื่อ 25 มิ.ย. ที่รัฐบาลจะช่วยค่าปุ๋ยครึ่งหนึ่งในราคาไม่เกินไร่ละ 500 บาทโดยหนึ่งรายไม่เกิน 20 ไร่ ภายในกรอบวงเงินไม่เกิน 10,000 บาท ซึ่งมีผู้เข้าร่วมโครงการประมาณ 4.6 ล้านราย และปรากฏว่าเมื่อมีมติออกไปแล้วนายกฯลงพื้นที่ตรวจราชการ สส.พรรคร่วมรัฐบาลได้สะท้อนความคิดเห็นของชาวนากลับมา จึงได้นำประเด็นดังกล่าวมาหารือในวันนี้ โดยอยู่ในวาระอื่นๆ
นายชัย กล่าวว่า ทั้งนี้ความเห็นส่วนใหญ่ชาวนามองว่าปีที่ผ่านมาช่วยเหลือไร่ละไม่เกิน 1,000 บาท รายละไม่เกิน 20 ไร่ เท่ากับช่วย 20,000 บาท แต่ครั้งนี้ช่วยไร่ละไม่เกิน 500 บาทและไม่เกิน 20 ไร่เท่ากับเหลือ 10,000 บาท น้อยลงไปกว่าครึ่ง และยังจ่ายเป็นค่าปุ๋ยเป็นเงินด้วย สส.จึงเป็นกังวลว่าชาวนาจะผิดหวัง ดังนั้น ที่ประชุม ครม.จึงมีการถกเฉียงกัน และในที่สุดก็ได้ตกผลึกข้อสรุปว่า กลุ่มชาวนามีจำนวนกว่า 4 ล้านกว่าครัวเรือน หรือ 20 กว่าล้านคน และราคาข้าวเปลือกไม่เคยดีเลย ชาวนาแทบไม่เหลืออะไรเลยทำให้รายได้ไม่พอยังชีพ
โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ดังนั้นรัฐบาลจึงสนับสนุนตามมาตรการของปีที่แล้วแต่ปีนี้ข้าวราคาดี จึงไม่ต้องพุ่งเป้าไปที่การสนับสนุนเงินช่วยเหลือ จึงหันมาดูเรื่องภาคการผลิตและเสนอโครงการปุ๋ยคนละครึ่งครั้งนี้ โดยมีปุ๋ยให้เลือก 15 สูตร และผู้ผลิตที่เข้าร่วมโครงการก็ไม่ได้จำกัดอย่างที่ถูกครหา และยืนยันว่าเป็นเรื่องไม่จริงที่ถูกวิจารณ์ว่าทำโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อคอรัปชั่นผูกขาดกับบริษัทเพียงไม่กี่ราย พร้อมยืนยันว่า ผู้ที่เข้ามาลงทะเบียนกว่า 50 บริษัท และแต่ละพื้นที่ก็ไม่ได้เจาะจงว่าจะให้คนใดคนหนึ่งเป็นผู้ขายให้กับชาวนา ซึ่งเปิดโอกาสให้ร้านค้าแต่ละพื้นที่มาเข้าร่วมโครงการ ดังนั้นยืนยันว่าโครงการนี้ชาวนาเป็นผู้เลือกปุ๋ยเอง ดังนั้นที่ประชุม ครม.วันนี้ จึงยืนยันว่าการช่วยครั้งนี้เป็นคนละเรื่องกับรอบที่แล้ว และจะนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ โดยไม่ใช่การนำโครงการปุ๋ยคนละครึ่งมาแทน