นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ ปาล์มน้ำมัน ปี 2567 ซึ่งการผลิตรวมทั้งประเทศ พบว่า (ข้อมูลพยากรณ์ ณ 26 มีนาคม 2567)เนื้อที่ให้ผล 6.381 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีเนื้อที่ให้ผล 6.248 ล้านไร่ (เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 132,959 ไร่ หรือร้อยละ 2.13) ผลผลิต 18.121 ล้านตัน ลดลงจากปีที่แล้วที่ให้ผลผลิต 18.267 (ลดลงจากปีที่แล้ว 146,471 ตัน หรือร้อยละ 0.80) ผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผล 2,840 กิโลกรัมต่อไร่ ลดลงจาก 2,924 กิโลกรัมต่อไร่ (ลดลงจากปีที่แล้ว 84 กิโลกรัมต่อไร่ หรือร้อยละ 2.87)
สำหรับเนื้อที่ให้ผล ภาพรวมทั้งประเทศคาดว่าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในภาคใต้ เนื่องจากปาล์มน้ำมันที่ปลูกใหม่ เมื่อปี 2564 ซึ่งเป็นการปลูกปาล์มน้ำมันแทนยางพารา และบางส่วนขยายพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันแทนพื้นที่นาและพื้นที่รกร้าง เริ่มให้ผลผลิตได้ในปีนี้ ทั้งนี้ การขยายเนื้อที่ปลูกปาล์มน้ำมันเมื่อปี 2564 มีสาเหตุมาจากราคาปาล์มน้ำมันตั้งแต่ปี 2564 อยู่ในเกณฑ์ดี ด้านผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผลและผลผลิตรวมทั้งประเทศคาดว่าลดลง เนื่องจากในช่วงปลายปี 2565 จนถึงพฤษภาคม 2566 ต้นปาล์มน้ำมันได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศร้อน และแห้งแล้ง ปริมาณน้ำฝนไม่เพียงพอ ทำให้ทางใบบางส่วนพับ ต้นปาล์มน้ำมันไม่สมบูรณ์ การออกทะลายที่จะเก็บในปี 2567 ลดลง และในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 จนถึงต้นปี 2567 คาดว่าปรากฏการณ์เอลนีโญ อาจมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนไม่เพียงพอต่อความต้องการของต้นปาล์มน้ำมัน ซึ่งอาจส่งผลให้น้ำหนักต่อทะลายลดลง อย่างไรก็ตาม ผลผลิตปีนี้จะออกสู่ตลาดมากสุดตั้งแต่เดือน มีนาคม – มิถุนายน คิดเป็นร้อยละ 38 ของผลผลิตทั้งหมด โดยเดือนพฤษภาคม คาดว่าผลผลิตจะออกสู่ตลาดประมาณ 1.694 ตัน ทั้งนี้ ราคาผลปาล์มน้ำมันทั้งทะลายคละที่เกษตรกร ขายได้สัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 4.12 บาท
ด้านแนวทางบริหารจัดการของภาครัฐ โดยคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) มอบหมายให้คณะอนุกรรมการบริหารจัดการสมดุลน้ำมันปาล์ม ซึ่งมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนเกษตรกร ร่วมเป็นอนุกรรมการ ทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์ด้านการผลิต การตลาด ราคา อย่างใกล้ชิด เพื่อบริหารจัดการให้ปริมาณน้ำมันปาล์มภายในประเทศเกิดความสมดุล รวมถึงกำหนดแนวทางและมาตรการต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ได้มีการเฝ้าระวังและมีแนวทางในช่วงเดือนที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดมาก โดยให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มมีแผนการปิดดำเนินการในช่วงวันหยุดของเดือนเมษายน 2567 เพื่อไม่ให้มีการกระจุกตัวในการรับซื้อผลผลิตของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มช่วงก่อนและหลังวันหยุด และมีการประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรรับทราบโดยทั่วกัน รวมทั้งขอความร่วมมือให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรที่นำผลผลิตมาจำหน่ายให้แก่โรงงานโดยตรงเป็นลำดับแรก และพิจารณาจัดช่องทางพิเศษสำหรับเกษตรกรแยกออกจากผู้ประกอบการลานเท รวมถึงรับซื้อผลปาล์มน้ำมันในราคาที่สอดคล้องกับราคาน้ำมันปาล์มดิบและไม่ให้มีการกดราคาหรือปฏิเสธการรับซื้อผลปาล์มของเกษตรกร โดยให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดที่เป็นที่ตั้งของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มมีการติดตามและกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ยังเน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนคำนึงถึงเรื่องการทำปาล์มคุณภาพ เพื่อไม่ให้อัตราสกัดน้ำมันลดลง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมันของเกษตรกรและต้นทุนในการผลิตของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มได้