“ไชยา” เผย เสียดายโอกาสทำงานช่วยเหลือเกษตรกร ชี้ยังไม่ทราบเหตุผลที่ถูกปรับออกจากครม. จะมองว่า ผลงานน้อยไม่ได้เพราะไม่ได้กำกับดูแลหน่วยงานกระทรวงเกษตรฯ อย่างเบ็ดเสร็จ แต่เข้าใจในเหตุผลและความจำเป็นของนายกรัฐมนตรี
นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยถึงการถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เสียดายโอกาสที่จะทำงานเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรในภาคอีสานเนื่องจากเป็นผู้แทนราษฎรมา 9 สมัย เมื่อได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรี เป็นเหมือนตัวแทนของคนอีสานมาบริหารงานกระทรวงเกษตรฯ จึงมุ่งหวังที่จะทำงานช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะขณะนี้งบประมาณประจำปี 2567 ออกมาแล้ว แต่ไม่มีโอกาสขับเคลื่อนงานด้านการแก้ไขภัยแล้ง การแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกร รวมถึงโครงการส่งออกโคมีชีวิตไปจีนตามที่ตั้งใจไว้จึงขอโทษคนอีสานด้วย
นายไชยา กล่าวว่า ไม่ทราบเหตุผลจริงๆ ว่า ที่ถูกปรับออกจากครม. คืออะไร แต่ยอมรับว่า การทำงานระยะแรก มีอุปสรรคเพราะกำกับดูแลหน่วยงานเล็กๆ 4 หน่วยงานได้แก่ กรมปศุสัตว์ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร กรมหม่อนไหม และองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย แต่ไม่ได้กำกับดูแลแบบเบ็ดเสร็จเนื่องจากไม่สามารถบริหารบุคลากร รวมถึงทรัพยากรต่างๆ ของหน่วยงานซึ่งเป็นหลักการบริหารทั่วไป แม้หลักการบริหารงานของภาคเอกชนยังต้องได้รับอำนาจเต็มที่ ข้อจำกัดในการทำงานเหล่านี้ พรรคเพื่อไทยทราบ แต่ไม่ได้ช่วยจัดการอะไร
ทั้งนี้ที่ผ่านมา ไม่ได้ให้ข้อจำกัดดังกล่าว เป็นอุปสรรค โดยมีวิธีบริหารจัดการของตัวเอง แต่กว่าจะปรับให้เป็นเนื้อเดียวกันได้ ใช้เวลาพอสมควรแต่ว่า หลังจากที่ได้บริหารหน่วยงานที่กำกับดูแลไปสักระยะ งานขับเคลื่อนด้วยดี ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าใจดีและไม่มีปัญหาความขัดแย้งใดๆ
วานนี้มีโอกาสติดตามนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีซึ่งตรวจราชการที่จังหวัดจันทบุรี นายกรัฐมนตรีได้แจ้งว่า มีเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องปรับครม. โดยนายกรัฐมนตรีบอกด้วยว่า อยากให้สนับสนุนงานของรัฐบาลในการดูแลประชาชนในภาคอีสานซึ่งพร้อมร่วมมือเพื่อประโยชน์ของประชาชนในนามของพรรคเพื่อไทย
นายไชยากล่าวว่า ยอมรับในอำนาจของนายกรัฐมนตรีในการปรับครม. โดยเข้าใจถึงข้อจำกัดเกี่ยวกับเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรค หากถูกประเมินว่า ผลงานน้อย ยืนกระต่ายขาเดียวว่า ไม่ใช่เพราะทำงานเต็มที่ แต่มีข้อจำกัดจนบดบังบทบาท จะเอามาเป็น KPI การทำงานไม่ได้ นอกจากนี้ยังเห็นว่า มีรัฐมนตรีบางคนที่แทบไม่ได้ออกสื่อเลย กลับอยู่รอดปลอดภัย อีกประการหนึ่งตนเป็นสส. ที่ไม่มีฐานนายทุนสนับสนุน มีแต่ฐานเสียงของประชาชนในภาคอีสานที่เลือกตั้งมาและทำงานทุกวินาทีในตำแหน่งรัฐมนตรีอย่างเกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมย้ำว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่เสียใจ แต่เสียดายโอกาสสานต่อการทำงานจึงขอฝากรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องดูแลแก้ไขปัญหาปากท้องของคนอีสานด้วย
สำหรับวันพรุ่งนี้ (29 เมษายน 2567) นายไชยามีกำหนดการเป็นประธานเปิดโครงการเร่งรัดกำจัดโรคพิษสุนัขบ้าในพื้นที่ปทุมธานี ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี แม้จะไม่ได้ไปได้ในฐานะรัฐมนตรีแล้ว จะไปด้วยสปิริตในฐานะผู้แทนราษฎร