วันที่ 27 มิถุนายน 2565 ที่ศาลากลางจังหวัดจันทบุรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ไปติดตามความก้าวหน้า “โครงการพัฒนาลุ่มน้ำคลองวังโตนด” จังหวัดจันทบุรี โดยมี นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน นายทินกร เหลือล้น ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 9 นายวุฒิชัย นรสิงห์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจันทบุรี พร้อมผู้เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่และบรรยายสรุปความก้าวหน้าผลการดำเนินงาน
นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานได้วางแผนพัฒนาแหล่งน้ำใน “พื้นที่ลุ่มน้ำคลองวังโตนด” จังหวัดจันทบุรี เพื่อบรรเทาและแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในลุ่มน้ำคลองวังโตนด ด้วยการสร้างอ่างเก็บน้ำ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองประแกด ก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2562 เก็บกักน้ำได้ประมาณ 60 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) อ่างเก็บน้ำคลองพะวาใหญ่ อยู่ระหว่างก่อสร้าง(ปี 2560-2567) เก็บกักน้ำได้ประมาณ 68 ล้าน ลบ.ม. อ่างเก็บน้ำคลองหางแมว อยู่ระหว่างก่อสร้าง(ปี 2560-2566) เก็บกักน้ำได้ประมาณ 80.70 ล้าน ลบ.ม. และอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด เก็บกักน้ำได้ประมาณ 99.50 ล้าน ลบ.ม. มีแผนงานก่อสร้างปี 2567-2572
หากแล้วเสร็จจะเป็นแหล่งน้ำอุปโภคบริโภคให้กับชาวอำเภอแก่งหางแมว อำเภอนายายอาม และอำเภอท่าใหม่ ช่วยบรรเทาอุทกภัยที่เกิดขึ้นบริเวณตอนกลางและตอนล่างของลุ่มน้ำคลองวังโตนดได้ประมาณร้อยละ 65 และเป็นแหล่งน้ำสำรองสนับสนุนพื้นที่ EEC ได้ประมาณปีละ 70 ล้าน ลบ.ม. หรือมากกว่าในกรณีปีน้ำมากกว่า
ปัจจุบันได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นและมีส่วนร่วมกับราษฎรในพื้นที่แล้ว 5 ครั้ง และดำเนินการเพิ่มเติมตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.)แล้ว 1 ครั้ง ซึ่งราษฎรในพื้นที่ส่วนใหญ่ต่างเห็นด้วยกับการพัฒนาโครงการฯ
จากนั้น พล.อ.ประวิตรฯ และคณะ ได้เดินทางต่อไปยังโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองจันทบุรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (คลองภักดีรำไพ) เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปการดำเนินงาน
โดยกรมชลประทาน ได้สนองพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้วยการก่อสร้างโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองจันทบุรี (แผนระยะที่ 2) คลองภักดีรำไพ แล้วเสร็จในปี 2560 เพื่อบรรเทาปัญหาอุทกภัยบริเวณตัวเมืองจันทบุรี เนื่องจากแม่น้ำจันทบุรีที่ไหลผ่านตัวเมืองจันทบุรี สามารถรับน้ำได้สูงสุดเพียง 500 ลบ.ม./วินาที ซึ่งคลองภักดีรำไพ จะช่วยตัดยอดน้ำในแม่น้ำจันทบุรี ไม่ให้ไหลผ่านตัวเมืองจันทบุรีได้ประมาณ 300 ลบ.ม./วินาที ก่อนระบายออกสู่ทะเลที่สถานีสูบน้ำและประตูระบายน้ำคลองตะเคียนได้สูงสุด 375 ลบ.ม./วินาที นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งเก็บกักน้ำจืดสำหรับการเกษตร มีพื้นที่รับประโยชน์ประมาณ 5,000 ไร่ และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้ประชาชนสามารถพักผ่อนหย่อนใจได้อีกด้วย
จากนั้นในช่วงบ่าย พล.อ.ประวิตรฯ และคณะ ได้เดินทางไปติดตามความก้าวหน้าโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหางแมว ตำบลขุนซ่อง อำเภอแก่งหางแมว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง มีผลงานคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 80 คาดว่าแล้วเสร็จภายในปี 2566 หากก่อสร้างแล้วเสร็จจะเก็บกักน้ำได้ประมาณ 80.70 ล้าน ลบ.ม. เป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร อุปโภคบริโภคให้กับราษฎรได้ประมาณ 1,600 ครัวเรือน ส่งน้ำช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกในพื้นที่ตำบลขุนซ่อง อำเภอแก่งหางแมวได้กว่า 62,000 ไร่ อีกทั้งยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืด ที่จะสร้างรายได้ให้กับราษฎรในพื้นที่ ส่งผลให้ราษฎรมีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ทั้งนี้พล.อ.ประวิตรฯ ได้มอบนโยบายให้กรมชลประทาน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการก่อสร้าง “โครงการอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด” ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ในเร็ววัน ซึ่งหากดำเนินโครงการพัฒนาลุ่มน้ำคลองวังโตนดแล้วเสร็จทั้งหมด จะทำให้มีปริมาณน้ำต้นทุนรวม 307.5 ล้าน ลบ.ม. มีพื้นที่รับประโยชน์มากถึง 249,700 ไร่ ที่สำคัญจะมีปริมาณน้ำส่วนเกินในช่วงฤดูฝนผันน้ำไปเติมให้กับอ่างเก็บน้ำประแสร์ จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญในการสร้างความมั่นคงเรื่องน้ำในพื้นที่และรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยมีความมุ่งหวังให้ประชาชนในพื้นที่ มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนในท้ายที่สุด
