นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า จากนโยบายด้านการเกษตรของรัฐบาลและร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการเพิ่มรายได้ภาคการเกษตร เป็น 3 เท่าใน 4 ปี ด้วยกลยุทธ์ตลาดนำ-นวัตกรรมเสริม-เพิ่มรายได้ สร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน
ในโอกาสที่กรมวิชาการเกษตร ร่วมกับสมาคมเมล็ดพันธุ์พืชภาคพื้นเอเชียและแปซิฟึค เป็นเจ้าภาพ ในการประชุม Asian Seed Congress ในปี 2022 และได้ประกาศว่าประเทศไทยมีเป้าหมายที่จะเป็น World Leader of Tropical Seeds เพื่อผลักดันมูลค่าการส่งออกเมล็ดพันธุ์ 15,000 ล้านบาท การที่จะไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้นั้น จะต้องมีความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ในการให้ความสำคัญกับการรับรองห้องปฏิบัติการตรวจศัตรูพืช และการผ่องถ่ายการทำงานของภาครัฐ ให้เอกชนได้มีส่วนร่วมในการส่งออก เป็นการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรที่ทำการผลิตเมล็ดพันธุ์เพิ่มมากขึ้น
การตรวจสอบเชื้อโรคพืชในพืช และผลิตผลพืชเพื่อประกอบการออกใบรับรองสุขอนามัยพืชนั้น ที่ผ่านมาดำเนินการโดยกลุ่มวิจัยการกักกันพืช สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร เท่านั้น โดยในปี 2566 ประเทศไทยส่งออกเมล็ดพันธุ์ ไปจำหน่ายยังต่างประเทศ รวม 25 ประเทศ จำนวน 36,917.88 ตัน คิดมูลค่า 9,254.47 ล้านบาท และมีแนวโน้มจะเพิ่มปริมาณมากขึ้นทุกปี
กรมวิชาการเกษตรจึงมีนโยบายถ่ายโอนภารกิจด้านการตรวจสอบโรคพืชให้ห้องปฏิบัติการเอกชนหรือหน่วยงานอื่นเป็นผู้ดำเนินการแทน แต่ยังคงอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมวิชาการเกษตรในฐานะที่เป็นองค์การอารักขาพืชแห่งชาติ (National Plant Protection Organization)อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า กรมวิชาการเกษตร ได้ออก “ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอและการออกใบรับรองสุขอนามัยพืช และใบรับรองสุขอนามัยพืชสำหรับการส่งต่อ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2565” ซึ่งกำหนดให้การตรวจสอบศัตรูพืชเพื่อประกอบการพิจารณาออกใบรับรองสุขอนามัยพืชสามารถดำเนินการโดยห้องปฏิบัติการที่กรมวิชาการเกษตรยอมรับความสามารถซึ่งขณะนี้มีห้องปฏิบัติการเอกชนที่ได้รับการยอมรับความสามารถเป็นห้องปฏิบัติการตรวจสอบศัตรูพืชโดยกรมวิชาการเกษตร และได้ออกหนังสือรับรองให้แล้ว 3 บริษัท คือ บริษัท มอนซานโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท ซีด เทสท์ แล็บส์ เอเชีย จำกัด บริษัท เจียไต๋ จำกัด ทั้งนี้ ห้องปฏิบัติการของบริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด จะเป็นบริษัทที่ 4 ที่ผ่านการประเมินความสามารถห้องปฏิบัติการตรวจสอบศัตรูพืช
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวในตอนท้ายว่า การผลักดันการรับรองความสามารถห้องปฏิบัติการตรวจสอบศัตรูพืชของเอกชน หรือหน่วยงานอื่นเพื่ออำนวยความสะดวกในการออกใบรับรองสุขอนามัยพืชว่าพืช หรือผลิตผลพืช ที่ส่งออกจากประเทศไทยปลอดจากศัตรูพืช และเป็นไปตามข้อกำหนดของประเทศผู้นำเข้า เป็นการสร้างความเชื่อมั่นของระบบการรับรองสุขอนามัยพืชของไทย จะเป็นการต่อยอดให้อุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์และการค้าเมล็ดพันธุ์ของไทยเติบโตในตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง