นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงานวันสาธิต การใช้นวัตกรรมและภูมิปัญญา เปลี่ยนฟางข้าวเป็นทอง สู่เมืองปทุมธานีไร้ควัน ร่วมกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ณ แปลงนาสาธิต หมู่ 2 ตำบลบ้านฉาง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี โดยมีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึง นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน รองผู้ว่าราชการ จังหวัดปทุมธานี และเจ้าหน้าที่ส่วนจังหวัดให้การต้อนรับในพื้นที่ ว่า เกษตรกรส่วนใหญ่คิดว่าการเผาตอซังเป็นการเตรียมพื้นที่ เพื่อทำการเกษตรฤดูต่อไป ซึ่งอาจเป็นทฤษฎีที่ไม่ถูกต้อง จึงขอฝากกรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการส่งเสริมความรู้ให้เกษตรกรทำการเกษตรด้วยนวัตกรรม รวมถึงส่งเสริมการจัดการวัสดุจากเกษตร เช่น ฟางข้าวมาทำปุ๋ยอินทรีย์ และถ่านชีวภาพ เพื่อลดการเผาฟางข้าว รวมถึงฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่
“จากความร่วมมือในการลดมลภาวะฝุ่น PM2.5 ระหว่างสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดปทุมธานี และหน่วยงานเอกชน เป็นระยะเวลา 5 ปี ซึ่งมีการทดลองตามแปลงต่าง ๆ ในหลายพื้นที่ ทำให้วันนี้เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีลดการเผาลงจนเกือบหมดแล้ว ต้องขอบคุณความร่วมมือจากหลายหน่วยงานที่ช่วยกันทำให้เกษตรกรเชื่อมั่นในการทำเกษตรรูปแบบใหม่ ทั้งนี้ จะขยายรูปแบบเมืองไร้ควันสู่จังหวัดรอบข้างต่อไป”
ในโอกาสนี้ รมช. ไชยา และประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี รวมถึงผู้บริหารในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และส่วนจังหวัดได้ร่วมเป็นสักขีพยานพิธีลงนามความร่วมมือการทำการเกษตรปลอดการเผา ระหว่างตัวแทนเกษตรกรและหน่วยงานเอกชน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการทำเกษตร อันจะช่วยลดการเผาที่เป็นผลกระทบต่อภาคการเกษตรและประชาชน หลังจากนั้น ประธานในพิธีและผู้บริหารได้ร่วมชมกิจกรรมการสาธิต “เปลี่ยนฟางข้าวเป็นทอง สู่เมืองปทุมธานีไร้ควัน” ได้แก่ นวัตกรรมย่อยสลายตอซังข้าว เปลี่ยนฟางให้เป็นปุ๋ย การเปลี่ยนฟางข้าวเป็นทอง ด้วยเครื่องจักรผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ด และการใช้เทคโนโลยีย่อยสลายตอซังและฟางข้าว ด้วยโดรนเพื่อการเกษตร อีกด้วย