หนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ ไทม์ส อ้างอิงเพ็ช พรหมพริภักษ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและป่าไม้ของลาว ระบุว่า ลาวทำรายได้จากการส่งออกสินค้าทางการเกษตรช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ รวมอยู่ที่มากกว่า 870 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.06 หมื่นล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 72.57 ของเป้าหมายตลอดทั้งปี
รายงานระบุว่า สินค้าเกษตรส่งออกที่สำคัญของลาวได้แก่ กล้วย ยางพารา มันสำปะหลัง อ้อย โค และควาย โดยมีจีนเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุด
เพ็ช กล่าวระหว่างการประชุมสมัยสามัญ ครั้งที่ 3 ของสภานิติบัญญัติ ชุดที่ 9 ประจำสภาแห่งชาติลาว(NA) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันศุกร์ (17 มิ.ย.65) ว่า รัฐบาลจะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศลงทุนด้านการเกษตรเพื่อกระตุ้นการส่งออก พร้อมเสริมว่าบริษัทท้องถิ่นหลายแห่งวางแผนลงทุนด้านการเกษตร เพื่อผลิตอาหารสำหรับการบริโภคในประเทศและการส่งออก ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมการผลิตในภาคส่วนนี้
ปัจจุบันลาวมีฟาร์มปศุสัตว์มากกว่า 2,000 แห่ง โดยเป็นฟาร์มเลี้ยงวัวควาย 655 แห่ง ฟาร์มหมู 553 แห่ง ฟาร์มสัตว์ปีก 711 แห่ง ส่วนที่เหลือเป็นฟาร์มแพะ แกะ และสัตว์อื่นๆ ทว่าเกษตรกรและผู้ผลิตในลาวได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากราคาเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้น
นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายด้านเครื่องจักร ปุ๋ย และอาหารสัตว์ล้วนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสินค้าเหล่านี้นำเข้ามาจากต่างประเทศและต้องชำระเงินเป็นสกุลเงินต่างประเทศ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงเนื่องจากสกุลเงินกีบอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง
เพื่อแก้ปัญหาข้างต้น รัฐบาลลาวกำลังส่งเสริมการใช้ปุ๋ยอินทรีย์และอาหารสัตว์ที่ผลิตในท้องถิ่นเพื่อลดต้นทุนการนำเข้า โดยเกษตรกรลาวต้องใช้ปุ๋ยราว 2 ล้านตันต่อปี แต่ปัจจุบันสามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์ได้เพียง 600,000 ตันเท่านั้น
ทั้งยังต้องใช้อาหารสัตว์ราว 600,000 ตัน แต่โรงงานผลิต 6 แห่งในประเทศ สามารถผลิตได้น้อยกว่า 400,000 ตัน หรือเท่ากับร้อยละ 60 ของความต้องการทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ลาวมีโอกาสมหาศาลในการเพิ่มผลผลิตพืชผลเพื่อการส่งออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งไปยังจีนเนื่องจากขณะนี้ทางรถไฟจีน-ลาวสามารถขนส่งสินค้าที่เน่าเสียได้ อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้นโดยการส่งออกที่เติบโตทำให้ลาวได้รับเงินสกุลต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งจะช่วยรักษาเสถียรภาพของค่าเงินกีบ
ทั้งนี้ ลาวสร้างรายได้จากการส่งออกสินค้าเกษตรในปี 2564 อยู่ที่มากกว่า 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว3.17 หมื่นล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 82 ของตัวเลขที่ลาวตั้งเป้าไว้สำหรับปีก่อน
ขอบคุณข้อมูล/ภาพ จาก : สำนักข่าวซินหัว (XinhuaThai)