นายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมแถลงข่าว มติ ครม. ว่าด้วยมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ซึ่งวันนี้คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการ เกี่ยวกับการช่วยชาวนา
โดยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เนื่องจากขณะนี้ราคาตลาดรับซื้อต่ำกว่าราคาที่เป็นธรรมประมาณ 10,000 กว่าบาท ดังนั้นกระทรวงเกษตรร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ จึงได้มีแนวคิดในการแทรกแซงราคาการตลาดโดยใช้โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ให้สถาบันเกษตรและเกษตรกรที่มียุ้งฉางของตัวเองเก็บข้าวเปลือกไว้ก่อนห้าเดือนหากราคายังไม่ดีหรือถูกกดอย่าพึ่งขาย ซึ่งรัฐบาลจะให้สินเชื่อโดยราคาข้าวเปลือกหอมมะลิความชื้น 25% ตันละ 12,000 บาทและให้ค่าเก็บรักษาคุณภาพภายในห้าเดือนตันละ 1,500 บาท หรือหากชาวนาต้องนำเข้าไปฝากที่สหกรณ์ช่วยเก็บให้รัฐบาลจะแบ่งให้สหกรณ์ 1000 บาทและชาวนาได้ 500 บาท โดยมีเป้าหมาย 3,000,000 ตัน
และโครงการที่สอง คือ โครงการให้สินเชื่อเพื่อให้สถาบันการเกษตรเข้าไปซื้อแข่งกับราคาการตลาด ในราคา 12,200 บาทและเมื่อขายได้มีกำไรจะต้องแบ่งให้ชาวนาอีก 300 บาทโดยมีเป้าหมาย 1,000,000 ตัน ซึ่งทั้งสองโครงการใช้งบประมาณ 10,600 ล้านบาท และเป็นสินเชื่ออีก 44,437 ล้านบาท
ขณะที่นายภูมิธรรมชี้แจงเกี่ยวกับโครงการ ให้เงินช่วยเหลือชาวไร่ละ 1,000 บาท 20 ไร่ ว่าอยู่ระหว่างการหารือร่วมกันระหว่าง 3 กระทรวง โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์จะเป็นฝ่ายหาเงินเพื่อมาดำเนินการโครงการนี้ แต่เงินที่ช่วยไร่ละ 1,000 บาท ยังติดปัญหาแต่ยืนยันว่าเรื่องนี้รัฐบาลเป็นห่วงชาวไร่ชาวนา ซึ่งการใช้มาตรการในปีนี้ใช้มาตรการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้แก่เกษตรกร ก็จะยังดำเนินการให้ค่าชดเชยแต่ขอพิจารณาในคณะกรรมการข้าวเพื่อลงรายละเอียดก่อนและเมื่อมีมติก็จะดำเนินการตามนั้น อย่างไรก็ตามยืนยันว่าจะต้องอธิบายให้คณะกรรมการข้าวได้รับทราบเรื่องเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท 20 ไร่ และหากมีมติจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทันที
ด้านนายจุลพันธุ์ ยืนยันว่า ทั้งสองโครงการจะสามารถดูดปริมาณข้าวออกจากตลาดได้ประมาณ 4,000,000 ตันซึ่งมีความมั่นใจว่าจะมีผลกับราคาข้าวอย่างมีนัยยะสำคัญในการประคองไม่ให้ราคาลงไป
แต่อย่างไรก็ตามกลไกในการนำเข้าสู่รัฐบาลซึ่งเป็นรัฐบาลมายังไม่ถึงสองเดือน ก็ไม่ได้ละเลยและรับฟังประเด็นปัญหาจากพี่น้องเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขั้นตอนที่จะต้องผ่านคณะกรรมการข้าวแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีคาดว่าเร็วสุดน่าจะเป็นภายในสัปดาห์หน้าและจะเรียบร้อยภายในหนึ่งถึงสองสัปดาห์ในส่วนของค่าบริหารจัดการข้าว 1,000 บาทต่อไร่ โดยใช้กลไกของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์เป็นหลักซึ่งมีความพร้อมจึงมีความมั่นใจได้