นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงการตรึงราคาน้ำตาลทราย ที่ในอดีตประเทศบราซิลมีการฟ้องร้องประเทศไทยว่า ประเทศไทยทำให้ระบบราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกเสียสมดุลว่า เดิมราคาน้ำตาลตลาดโลกค่อนข้างต่ำ และเราขึ้นราคาภายในประเทศสูงมาก ทางบราซิลเขาก็รู้สึกว่าเราไปทำให้การแข่งขันในตลาด เขาเสียเปรียบ ซึ่งก็ได้มีการเคลียร์กันตามสภาพแวดล้อมหลายๆอย่าง เกือบจะจบแล้วเพราะฉะนั้นตอนนี้ที่คุยกันไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่คราวนี้ราคาตลาดโลกมันสูงมาก แต่ภายในประเทศเราขยับอย่างไรก็ไม่มีผลไปแข่งขันอะไรกับเขาก็ไม่น่ามีปัญหา
นายภูมิธรรม กล่าวว่าวันนี้กระทรวงพาณิชย์ตัดสินใจจะเอาน้ำตาลทรายกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เป็นผลมาจากเมื่อวานนี้ที่มีการเรียกประชุมด่วนของคณะกรรมการ กกร. หลังเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์หรือร้องขอเกี่ยวกับการขึ้นราคาน้ำตาลทราย 4 บาท เพราะขึ้น 4 บาทผู้บริโภคภายในประเทศได้รับผลกระทบโดยตรง และสิ่งที่สำคัญคือการที่น้ำตาลทรายขึ้น 4 บาท จะส่งผลที่เกี่ยวเนื่องไปยังอุตสาหกรรมอีกหลายตัว เช่นน้ำอัดลม เป็นต้น นโยบายของรัฐบาลตอนนี้เราเองต้องการที่จะตรึงให้เป็นการลดรายจ่ายของประชาชน ไม่อยากให้ประเด็นนี้เป็นปัญหา เพราะฉะนั้นการที่กระทรวงพาณิชย์เรียกมาประชุมเมื่อวานนี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน และก่อนประชุมก็ได้พูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเรียบร้อยแล้ว ว่าเรื่องนี้มันเป็นปัญหาและจะมีทางออกอย่างไร ขณะเดียวกันในที่ประชุมคณะกรรมการน้ำตาลและอ้อย ก็ได้มาร่วมประชุมด้วยซึ่งก็มีการพูดคุยกันถึงปัญหาหลายอย่าง ในเวลานี้ถ้าไปขยับในหลายๆเรื่องมันก็จะกระทบทุกๆส่วน
แต่คราวนี้ 4 บาทที่ขึ้นก็จะเอา 2 บาทไปจ่ายกองทุนในการดูแลสิ่งแวดล้อม และอีก 2 บาทก็จะไปชดเชยเกษตรกร ทางเราคิดว่าอย่างน้อยสุดก็ต้องตรึงราคาไว้ ซึ่งก็จะต้องนำมาเป็นสินค้าควบคุม ที่ผ่านมาก็ควบคุมอารมณ์ตลอดเพียงแต่มาปล่อยให้เป็นเสรีตอนที่คณะรัฐประหารได้ปล่อยให้เกิดเสรี ซึ่งตอนนี้ปัญหาสำคัญไปอยู่ที่ประชาชนผู้บริโภคที่ต้องรับภาระหนัก ส่วนตัวมองว่า 2 บาทที่ต้องจ่ายให้กับกองทุนดูแลสิ่งแวดล้อมนั้นจริงๆแล้วประชาชนไม่ได้เป็นไปเป็นผู้ที่ทำให้เกิดสภาวะในเรื่องนี้อย่างเดียว มันมีหลายส่วนที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นการที่จะพิจารณาเรื่องนี้ก็ควรจะให้รายส่วนเข้ามาร่วม ซึ่งก็ต้องให้ทางกระทรวงอุตสาหกรรมเข้าไปหาแนวทางว่าจะทำอย่างไร ไม่ใช่เอาทั้งหมดไปโยนให้ประชาชนผู้บริโภค
ส่วนอีก 2 บาทที่เป็นพี่น้องชาวไร่อ้อยแล้วก็คำนึงถึงความเดือดร้อนและปัญหาที่จะเผชิญ ก็ได้ให้ทางกระทรวงอุตสาหกรรมไปใช้มาตรการในการหาทางออกโดยรัฐยินดีที่จะสนับสนุน เพื่อเป็นการช่วยเหลือไม่ใช่ชาวไร่อ้อยเดือดร้อน และขณะนี้เมื่อรัฐเข้าไปช่วยดูแลก็คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร จึงอยากขอฝากเรียนหรือยังชาวไร่อ้อยด้วยว่ารัฐบาลพยายามจะดูทุกส่วนให้ได้รับประโยชน์ หรือไม่ให้ได้รับผลกระทบมากเกินกว่าสมควร ส่วนผู้ส่งออกเมื่อราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกสูง เขาก็ได้ประโยชน์อยู่แล้ว เราควบคุมการส่งออก 1,000 กก.หรือ 1 ตันก็สามารถส่งได้ปกติ และก็ต้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาหามาตรการอะไรในการดูแลแล้วเมื่อเข้ามาเป็นสินค้าควบคุมก็จะมีบทกฎหมายลงโทษซึ่งขณะนี้เราก็ใช้มาตรการนี้เพราะต้องการจะตรึงราคา ซึ่งน้ำตาลทรายในประเทศเราใช้ประมาณ 2 ล้านตัน เมื่อตรึงไว้เราก็ต้องหามาตรการไม่ให้น้ำตาลขาดตลาด ส่วนที่เหลืออยู่ก็ให้ไปส่งออก
“ผมคิดว่าวันนี้มันเป็นภาวะที่เราลำบากทั้งหมดจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจเพราะฉะนั้นทุกส่วนล้วนมีความสำคัญ ผู้ผลิตก็มีความสำคัญผู้ส่งออกก็ไปสร้างรายได้ให้กับประเทศ ขณะที่ผู้บริโภคซึ่งก็เป็นคนไทย ด้วยกัน เพราะฉะนั้นมันไม่ควรจะผลักภาระไปให้ผู้บริโภค จึงจะต้องมีมาตรการ อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ให้เข้าใจสิ่งต่างๆ แล้วก็ดูราคาที่ยุติธรรมกับทุกฝ่าย ” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า ตนก็ได้หารือกับทาง กนอ.และทางกระทรวงอุตสาหกรรม ก็คิดว่านี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด
เมื่อถามว่าจะมีการป้องกันการลักลอบนำออกไปขายต่างประเทศเนื่องจากมีราคาที่ดีกว่าได้อย่างไร นายภูมิธรรมกล่าวว่า นี่คือความเป็นจริงที่เราปฏิเสธไม่ได้และก็ไม่ใช่ว่าพึ่งมามีตอนนี้มันมีมาตลอดอยู่แล้วขณะนี้ก็ต้องใช้มาตรการทางกฎหมายและความเข้มงวดกวดขันของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเราก็พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้เกิดภาวะน้ำตาลขาดตลาด เราลดราคาตอนนี้จริงๆแล้วมันครอบคลุมอยู่ที่บริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑล แต่ในส่วนที่ต่างออกไป ก็ได้มอบให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปคำนวณต้นทุนกับระยะทางที่เพิ่มขึ้น ไม่ใช่กำหนดราคาขึ้นตามอำเภอใจ