กรมการค้าภายในถกชาวนา โรงสี ผู้ส่งออก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามสถานการณ์ผลผลิตข้าวปี 66/67 เบื้องต้นคาดลดลง 3% จากภัยแล้ง แต่ต้องรอดูความชัดเจนปริมาณน้ำช่วงต้น ต.ค.นี้ อีกครั้ง ส่วนมาตรการบริหารจัดการข้าว มีการเสนอให้เก็บสต๊อกเพิ่มขึ้น ทั้งเกษตรกร สหกรณ์ โรงสี ผู้ส่งออก และผู้ประกอบการค้า เผยชาวนาขอให้พิจารณาเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาทไม่เกิน 20 ไร่ เตรียมรวบรวมก่อนชง นบข. พิจารณาต่อไป
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมได้รับนโยบายนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้มอบหมายให้ติดตามสถานการณ์การผลิตข้าวเปลือก รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เอกชน ตลอดจนเกษตรกร เพื่อรวบรวมข้อเสนอแนะและแนวทางรักษาเสถียรภาพราคาข้าวที่มีประสิทธิภาพ สามารถแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดและเกิดความคุ้มค่า โดยต้องคำนึงถึงประโยชน์ของทุกภาคส่วนทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค ตลอดจนโอกาสของข้าวไทยในตลาดโลก
ทั้งนี้ กรมได้จัดประชุมร่วมกับสมาคมชาวนา 4 สมาคม ได้แก่ สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย สมาคมชาวนาข้าวไทย สมาคมส่งเสริมชาวนาไทย สมาคมส่งเสริมเกษตรกรชาวนาอีสาน โรงสี ผู้ส่งออก ผู้ค้า และหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ติดตามสถานการณ์การผลิตข้าวเปลือก ปีการผลิต ปี 2566/67 พบว่า จากข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ปริมาณผลผลิตข้าวเปลือกนาปีคาดว่าจะอยู่ที่ 25.76 ล้านตัน ลดลงจากปีก่อนที่ 26.63 ล้านตัน ลดลง 3% ส่วนหนึ่งคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์ปริมาณน้ำฝน ในช่วงต้นเดือน ต.ค.2566 อีกครั้งนึง ถึงจะประเมินปริมาณผลผลิตข้าวปี 2566/67 ได้ชัดเจนขึ้น
สำหรับข้อเสนอแนวทางมาตรการบริหารจัดการข้าว ปี 2566/67 มีการเสนอให้มีการเก็บสต็อกทั้งในส่วนของเกษตรกร สหกรณ์ โรงสี ผู้ส่งออก และผู้ประกอบการค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยทั้งในส่วนการรักษาเสถียรภาพราคาและมีสต็อกข้าวไว้เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศ ขณะที่เกษตรกรได้เสนอขอให้ช่วยเหลือค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 20,000 บาท/ครัวเรือน ซึ่งกรมจะได้รวบรวมข้อเสนอทั้งหมด และนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (นบข.) เพื่อพิจารณามาตรการและแนวทางบริหารจัดการข้าวที่มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสำหรับปีการผลิต 2566/67 ต่อไป
นอกจากนี้ ล่าสุดนายภูมิธรรม ได้สั่งการให้กรมเพิ่มความเข้มงวดการตรวจสอบเครื่องชั่งตวงวัดในการซื้อขายสินค้าเกษตร ให้มีความเที่ยงตรง เพื่อดูแลความเป็นธรรมให้กับเกษตรกร ซึ่งกรมได้จัดชุดสายตรวจเฉพาะกิจลงพื้นที่ทำการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องแล้ว หากตรวจพบเครื่องชั่ง ไม่ถูกต้อง ไม่มีความเที่ยงตรง จะดำเนินการตามกฎหมายเด็ดขาด ส่วนเกษตรกร หากพบเห็นหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อขายสินค้าเกษตร สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569