พาณิชย์ เคาะส่วนต่างข้าว งวดที่ 32 จ่ายชดเชยแค่ “ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่”

“พาณิชย์”เคาะส่วนต่างข้าว งวดที่ 32 ชดเชยเพียง 1 ชนิด “ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่” เกษตรกรได้รับเงิน 24 พ.ค.นี้ ส่วนอีก 3 ชนิด ราคาทะลุเกินเพดาน และข้าวหอมมะลิ หมดฤดูกาล
         

นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้พิจารณาราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 งวดที่ 32 สำหรับเกษตรกรที่แจ้งวันคาดว่าจะเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 13–19 พ.ค.2566 โดยมีการจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวจำนวน 1 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ส่วนข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ข้าวเปลือกเจ้า และข้าวเปลือกเหนียว ไม่ต้องจ่าย เพราะราคาสูงกว่าเป้าหมาย และข้าวเปลือกหอมมะลิ ไม่มีราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง เนื่องจากสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว
         

64673a744ec5d

โดยงวดที่ 32 ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ เกณฑ์กลางตันละ 13,686.95 บาท ชดเชยตันละ 313.05 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 5,008.80 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี เกณฑ์กลางตันละ 11,242.24 บาท สูงกว่าประกันรายได้ที่ตันละ 11,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า เกณฑ์กลางตันละ 10,165.05 บาท สูงกว่าประกันรายได้ที่ตันละ 10,000 บาท ข้าวเปลือกเหนียว เกณฑ์กลางตันละ 12,724.11 บาท สูงกว่าประกันรายได้ที่ตันละ 12,000 บาท ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ ไม่มีการคำนวณส่วนต่าง เพราะสิ้นสุดฤดูกาล
         

ทั้งนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงภายใน 3 วันทำการ หรือภายในวันที่ 24 พ.ค.2566 โดยมีเกษตรกรได้รับชดเชย 681 ครัวเรือน

นายอุดมกล่าวว่า การที่ราคาข้าวอยู่ในเกณฑ์ดี ในระดับที่สูงกว่าราคาประกัน จนไม่มีส่วนต่างชดเชย ส่งผลให้รัฐบาลจ่ายชดเชยส่วนต่างน้อยลง ช่วยให้ประหยัดงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินโครงการได้อีกทางหนึ่ง ส่วนสถานการณ์การซื้อขายข้าวในตลาดช่วงนี้ ผู้แทนสมาคมโรงสีข้าวไทย และผู้แทนสมาคมค้าข้าวไทย ให้ข้อมูลว่า ผู้ส่งออกมีความต้องการข้าวเจ้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะจากประเทศอิรัก และอินโดนีเซีย และสถานการณ์การส่งออก ผู้แทนกรมการค้าต่างประเทศให้ข้อมูลว่า ปริมาณการส่งออกจนถึงวันที่ 16 พ.ค.2566 มีจำนวนกว่า 3.23 ล้านตัน และยังมีคำสั่งซื้อในส่วนของข้าวเจ้าเข้ามาอย่างต่อเนื่องในหลายประเทศ เพื่อทดแทนปริมาณข้าวที่เก็บสต็อกไว้ที่ขาดหายไป ทั้งจากการใช้ภายในประเทศ และจากปัญหาสภาพอากาศที่ร้อนจัด ซึ่งโดยภาพรวมแล้ว สถานการณ์การส่งออกของไทยเป็นไปได้ด้วยดี
         

ส่วนการจ่ายชดเชยในงวดที่ 1-31 ที่ผ่านมา มีเกษตรกรได้รับเงินส่วนต่างประกันรายได้แล้วกว่า 2.636 ล้านครัวเรือน วงเงิน 7,866.81 ล้านบาท สำหรับเกษตรกรที่ได้รับสิทธิ์แต่ยังไม่ได้รับเงิน ขอให้ ติดต่อ ธ.ก.ส. สาขาใกล้บ้าน เพื่อให้ ธ.ก.ส. ตรวจสอบต่อไป
         

อย่างไรก็ตาม กรมฯ ขอความร่วมมือเกษตรกร โรงสี ผู้ค้า และหน่วยงานในพื้นที่ กำกับดูแลและเพิ่มการตรวจสอบ ระมัดระวังไม่ให้เกิดการปลอมปนข้าว เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพข้าว และการส่งออกข้าวได้ และยังได้เพิ่มการติดตามดูแลการซื้อขายข้าวเปลือก ทั้งในเรื่องของการปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ รวมทั้งตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องชั่งน้ำหนักและเครื่องวัดความชื้น ซึ่งหากพบเห็นว่าท่าข้าวหรือโรงสีใด ไม่ปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ กดราคารับซื้อ โกงน้ำหนัก หรือมีพฤติกรรมใด ๆ ที่เป็นการเอาเปรียบชาวนา สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน โทร 1569